ขึ้นเครื่องครั้งแรกกับสายการบินนกแอร์

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่คนนิยมใช้เดินทางภายในประเทศ เพราะว่าปัจจุบันราคาโดยสารนั้นถูกลงจากเมื่อก่อนมาก เป็นที่รู้จักในสายการบินต้นทุนต่ำ  (Low-cost Airline) เพราะเมื่อเทียบราคากับการโดยสารทางรถประจำทางหรือรถทัวร์ในระยะทางที่ไกลๆ ค่าโดยสารจะไม่ต่างกันมากหรืออาจจะถูกกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีโปรโมชั่น  เมื่อเทียบกับเวลาที่ต้องใช้เดินทาง ทำให้ประหยัดเวลาเดินทาง สะดวกสบาย ไม่ต้องปวดเมื่อยจากการนั่งรถนานๆ คนจึงนิยมโดยสารทางเครื่องบินมากขึ้น

สายการบินต้นทุนต่ำที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ สายการบินแอร์เอเชีย (AirAsia)   สายการบินนกแอร์  (Nok Air) สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) สายการบินไทยสมายล์ (Thai Smile) เป็นต้น

แต่สำหรับวันนี้จะมาแนะนำวิธีการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกกับสายการบินนกแอร์กันตั้งแต่เริ่มแรก  หลังจากที่เราจองตั๋วโดยสารผ่านหน้าเว็บไซต์ (http://www.nokair.com) แอพพลิเคชั่นบนมือถือ ศูนย์บริการลูกค้า 1318  หรือ เคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) แล้ว ก่อนขึ้นเครื่องเราต้องทำการ เช็คอิน (Check-in) เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราจะเดินทางการเที่ยวบินนั้น แต่สิ่งสำคัญที่จะใช้ขึ้นเครื่องคือ บัตรโดยสาร (Boarding Pass) ที่จะได้หลังจากเราทำการเช็คอินแล้ว กับบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต

วิธีการเช็คอิน  (Check-in) สามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่

เคาท์เตอร์เช็คอิน   เคาน์เตอร์เช็คอินเปิดให้ผู้โดยสารทำการเช็คอินก่อนเวลาออกเดินทาง 2 ชั่วโมง และปิดให้บริการ 30 นาทีก่อนเวลาออกเดินทาง  โดยแจ้งหมายเลขการจอง (Booking Number) และยื่นบัตรประจำตัวประชาชน หรือพาสปอร์ตสำหรับชาวต่างชาติ แล้วจะได้ บัตรโดยสาร (Boarding Pass) สำหรับขึ้นเครื่อง ถ้าจะโหลดกระเป๋าก็สามารถโหลดได้เลยโดยกระเป๋าต้องผ่านการตรวจสแกนติดสติกเกอร์ความปลอดภัยแล้ว

เช็คอินทางโทรศัพท์  เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่ไม่มีสัมภาระโหลดลงเครื่อง สามารถทำการเช็คอินทางโทรศัพท์ตั้งแต่ 6 ชั่วโมง จนถึง เวลา 45 นาที ก่อนเวลาเครื่องออก และควรอยู่ที่ประตูผู้โดยสารขาออกก่อนเวลาเครื่องออกเป็นเวลา 30 นาที สามารถรับบัตรโดยสารตามจุดจำหน่ายตั๋วของนกแอร์ ด้วยการแสดงหมายเลขการจองพร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชน

เช็คอินทางเว็บไซต์  สามารถทำการเช็คอินภายในระยะเวลาตั้งแต่ 24 ชั่วโมงจนถึง 1 ชั่วโมง ก่อนเวลาเครื่องออก สามารถทำการเช็คอินได้ หลังจากทำการจองเที่ยวบินสมบูรณ์แล้ว 30 นาที และเมื่อเช็คอินเสร็จสามารถพิมพ์ Boarding Pass สำหรับใช้ขึ้นเครื่องได้ทันที

เช็คอินผ่าน Mobile Application  การเช็คอินผ่าน mobile application ทำได้ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ถึง 30 นาที ก่อนกำหนดเวลาออกของ เที่ยวบิน  สำหรับการขึ้นเครื่อง ต้องไปถึงประตูทางออกขึ้นเครื่องบินอย่างน้อย 30 นาที ก่อนกำหนดเวลาออกของเที่ยวบิน  การเช็คอินวิธีนี้สะดวกมากสำหรับยุคปัจจุบัน เพราะสามารถทำเองได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ ก็เช็คอินได้ทันที พร้อมรับ บัตรผ่านขึ้นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (electronic boarding pass) เพื่อนำไปแสดงที่ประตูทางขึ้นเครื่องได้เลย สะดวกมากสำหรับคนที่ไม่โหลดกระเป๋า เพราะไม่ต้องไปเข้าแถวให้เสียเวลา

วันนี้จึงจะมาแนะนำ การเช็คอินผ่าน Mobile Application กัน

ขั้นตอนแรกต้องโหลด Nok Air Mobile Application สำหรับ iPhone, iPod touch, iPad, Android and Blackberry เลือกตามอุปกรณ์ที่มือยู่ ในที่นี้จะใช้ผ่าน Android ซึ่งสามารถโหลดได้จาก Play store

เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็มาเช็คอินได้เลย โดยเลือกที่ไอคอน Check-in

scr

ใส่หมายเลขการจอง (Booking no.) และ นามสกุลภาษาอังกฤษ

scr_cki

 

หน้า Terms & Conditions กด Accept

term

เลือกผู้โดยสารที่จะทำการเช็คอิน (Select Passenger) ถ้ามีสองคนสามารถเลือกเช็คอินได้พร้อมกัน แล้วกด Check-in หากยังไม่เลือกที่นั่งระบบจะให้เลือกที่นั่งก่อน

selec

ขึ้นหน้าจอ ว่าเช็คอินเรียบร้อยและ Boarding pass จะถูกเซฟไว้ที่อัลบั้มรูป หรือเราจะเซฟหน้าจอทีละคนไว้ก็ได้ แค่นี้ก็สามารถไปขึ้นเครื่องได้แล้ว

board

สำหรับคนที่เช็คอินผ่านมือถือมาแล้ว ต้องการโหลดกระเป๋า ซึ่งสามารถโหลดฟรีได้ 15 กิโลกรัม ต้องนำกระเป๋าผ่านเครื่องสแกนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนโหลด สำหรับของเหลวและของมีคมควรโหลดใต้ท้องเครื่อง เพราะกระเป๋าอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม และอนุญาตให้นำของเหลวขึ้นเครื่องต้องบรรจุในภาชนะที่มีกำหนดปริมาณความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร รวมกันแล้วไม่เกิน 1000 มิลลิลิตร (หรือปริมาณที่เทียบเท่าในหน่วยวัดปริมาณอื่น) ถูกใส่รวมในถุงพลาสติกใส เพราะถ้าเกินจะถูกทิ้งในด่านตรวจสัมภาระ

ขั้นตอนการโหลดกระเป๋า

  1. นำกระเป๋าเข้าเครื่องตรวจสแกน เพื่อติดสติกเกอร์การผ่านการตรวจความปลอดภัย

IMG_25580516_111236  IMG_25580516_111529

 

2. นำกระเป๋าไปโหลดที่เคาน์เตอร์ (Baggage Drop) ได้เลยไม่ต้องเข้าเคาน์เตอร์เช็คอิน โดยแจ้งหมายเลขการจองและยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต

IMG_25580516_120833

3. เราจะได้ Boarding pass ที่เป็นกระดาษเพิ่ม เพื่อยื่นก่อนขึ้นเครื่อง (ไม่ต้องใช้ e-Boarding pass)

bordding

4. กรณีเราโหลดกระเป๋าก่อนเคาน์เตอร์ให้เช็คอิน เราจะยังไม่ทราบหมายเลขประตูขึ้นเครื่อง หรือกรณีที่เราเช็คอินผ่านมือถือมาจะยังไม่ทราบหมายเลขเกท เมื่อถึงเวลาเช็คอินหมายเลขเกทจะขึ้นที่จอแสดงดังภาพโดยดูที่หมายเลขไฟท์และปลายทางของเรา เราสามารถไปรอขึ้นเครื่องที่หน้าหมายเลขประตูนั้นได้เลย

scd

5. เมื่อทราบหมายเลขประตูขึ้นเครื่องแล้ว ควรไปรอที่หน้าประตูก่อนเครื่องออก 30 นาที เวลาขึ้นเครื่อง (Boarding Time) จะปรากฏที่ Boarding pass

6. พร้อมแล้วก็เข้าไปยังโซนผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ โดยยื่น Boarding pass พร้อมบัตรแสดงตัว ให้เจ้าหน้าที่เพื่อผ่านเข้าไปยังจุดตรวจสัมภาระ

IMG_25580516_122635

7. เมื่อถึงเครื่องสแกนให้นำสิ่งของ สัมภาระใส่ตระแกรงทั้งหมด รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค เสื้อแจคเก็ท เป็นต้น เพื่อนผ่านเครื่องสแกน แล้วเดินผ่านประตูไปรับสิ่งของสัมภาระ

IMG_25580516_122822

IMG_25580516_122858

ถ้านำสิ่งของต้องห้ามเข้ามาจะถูกทิ้งดังภาพ

IMG_25580516_122947

กรณี Power bank อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ตามข้อกำหนด ดังนี้

IMG_25580516_123022_1

ของเหลว

IMG_25580516_123233

8. จากนั้นก็มองหาหมายเลขประตูของเราเพื่อรอไปขึ้นเครื่อง

IMG_25580516_123705

IMG_25580516_124712

9. เมื่อถึงเวลาจะมีประกาศเรียกผู้โดยสารหมายเลขเที่ยวบิน โดยจะให้ผู้โดยสารที่นั่งด้านหลังขึ้นเครื่องได้ก่อน และตามด้วยผู้โดยสารอื่นๆ โดยยื่น Boarding pass พร้อมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต และเดินไปขึ้นเครื่อง

IMG_25580516_125835

IMG_25580516_144259

 

10. แสดง Boarding pass ต่อพนักงานต้อนรับและหาที่นั่งตามหมายเลขในบัตร รอเครื่องออกและชมวิวตามอัธยาศัย

IMG_25580516_132005 IMG_25580516_151716

 

11. เมื่อถึงจุดหมายก็เดินตามผู้โดยสารคนอื่นๆเพื่อไปจุดรอรับกระเป๋าต่อไป

IMG_25580516_162651

เพียงแค่นี้การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกก็ไม่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป พร้อมมุ่งสู่จุดหมายที่เราต้องการ

IMG_25580517_101053

IMG_25580517_104725