เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 หลังจากเลิกงาน ข้าพเจ้า ได้ขับรถกลับบ้าน ใช้เส้นทางถนนสายสุพรรณบุรี โดยใช้ช่องทางด่วน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ประจำ นับตั้งแต่ขับรถเป็นเวลา 12 ปี ยังไม่เคยประสบกับอุบัติเหตุ แต่สำหรับวันนี้เหตุการณ์ที่ไม่เคยคิด และก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง ก็เกิดขึ้นแล้ว
จึงขอถือโอกาสนี้เล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นเครื่องเตือนจิต ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คุณจะประมาทหรือไม่ประมาทก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเราประมาทโอกาสจะเกิดขึ้นได้มาก ทุกครั้งก่อนที่จะขับรถ ต้องสำรวจความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือเปล่า ถ้าทุกอย่างพร้อมก็ออกรถได้
สำหรับวันนี้ ข้าพเจ้าได้ขับรถออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วนรอบบริเวณท้องสนามหลวง ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า ขึ้นถนนบรมราชชนนี ลงที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เลี้ยวไปถนนสุพรรณบุรี โดยใช้ช่องทางด่วน และได้ขับรถอยู่ช่องที่สอง (ช่องกลาง) เมื่อขับมาถึงซอยกันตนา มีรถสิบล้อ ขับมาทางเลนขวา ขับส่ายไปมา ราวกับว่าเป็นเจ้าถนน ปาดหน้าและกระแทกรถของข้าพเจ้าอย่างแรง ตรงที่กระจกด้านขวา (กระจกหูช้าง) ไปจนถึงกระโปรงรถด้านหน้า รถเกือบจะเสียหลัก แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีรถสวนมา ในช่วงนั้นพยายามรวบรวมสติ ให้กลับคืนมา บอกให้ลูกชายช่วยดูทะเบียนรถที่ชนว่าทะเบียนอะไร ปรากฏว่ามองไม่ถนัด เนื่องจากรถคันดังกล่าวพยามยามใช้ความเร็วสูงมาก แต่โชคดีที่ข้างหน้ามีรถติดอยู่หลายคัน จึงทำให้ไล่ทันและก็สามารถจำทะเบียนได้ พยายามส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุด ปรากฏว่าไม่หยุดและพยายามหนีต่อไป จึงได้แจ้งไปยัง 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยสกัดรถคันดังกล่าว โดยบอกหมายเลขทะเบียนให้ทราบ ปรากฏว่ารถคันนั้นขับหนีไปจนได้ จึงได้ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางใหญ่ พร้อมกับแจ้งให้ประกันได้ทราบ
ที่เล่ามาทั้งหมด อ่านดูแล้วอาจจะไม่น่าสนใจ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้ เป็นเรื่องปกติของประเทศไทย ที่คนขับรถบางคนไม่มีระเบียบวินัย ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อน ตราบใดที่คนขับรถบางคนยังทำตัวเป็นอันตพาลบนท้องถนนแล้ว และตำรวจไม่กวดขัน เอาจริงเอาจัง ชีวิตของประชาชนที่สัญจรไปมาบนท้องถนน อย่าหวังเลยว่าจะได้รับความปลอดภัย รอชาติหน้าตอนดึก ๆ ๆๆๆๆๆๆ