เมื่อฉันเป็นเจ้าสาว

 

บายศรีสู่ขวัญ
 บายศรีสู่ขวัญ

ว้าว ว้าว ว้าว คำว่า “เจ้าสาว” สำหรับผู้หญิงแล้วเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันเลยทีเดียว ได้สวมชุดเจ้าสาวสวยๆ มีช่อดอกไม้ ในงานอบอวลไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน มีผู้คนมาร่วมงานกันมากมาย แต่งชุดสวยๆ มาประชันกัน ในความฝันกับความเป็นจริงมันช่างแตกต่างกันจริงๆ นะ เมื่อตอนเด็กก็สนุกกับการเล่นกับเพื่อนๆ พอโตเข้าประถม มัธยม ก็สนุกกับการเล่นและเรียนกับเพื่อนๆ พอเข้าวิทยาลัยก็ออกจากบ้านไปเรียนที่ต่างจังหวัด สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในรั้ววิทยาลัย ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ และคุณครู ยังสนุกกับการเรียน และอยากรู้ อยากเห็น อยากได้ใบปริญญา ก็เริ่มสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ สุดท้ายที่ชอบที่สุดก็มหาวิทยาลัยรามคำแหง พูดง่ายๆ ว่าไม่ชอบเรียนใกล้ที่ทำงานชอบหาประสบการณ์ไกลๆ บ้าง คราวนี้ไกลจริงๆ มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ๆ เราเรียน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ๆ เราทำงาน และแล้วความฝันที่จะใส่ชุดครุยก็มาถึงสักทีหลังจากเรียนมาหลายปีก็ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความยินดีให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก เห็นพ่อ แม่ พี่ชาย ยิ้มกันอย่างมีความสุข เห็นแบบนี้แล้วก็มีความสุขไปกับพวกท่านด้วย หลังจากที่ชอบการเรียนรู้ หาประสบการณ์ หาสิ่งใหม่ๆ พอแล้วสำหรับครั้งนี้ เริ่มอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างที่ฝันเอาไว้ ก็เริ่มคบหาผู้ชาย และแล้ววันนั้นก็มาถึง

ไชโย! เรามีแฟนแล้ว เมื่อคบหากัน ศึกษากันได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มคุยกันเรื่องแต่งงาน เมื่อพาไปพบพ่อ แม่ พูดคุยเรื่องสินสอดทองหมั้นกันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเตรียมงานกัน ว้าย! ตื่นเต้นจังเลย จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว ที่นี้ก็เริ่มเตรียมงานกันใหญ่เลย ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่เตรียมงานให้ ที่เราทำได้ก็คือ ตอบคำถาม เช่น ต้องการงานแบบไหน ของชำร่วยเอาอะไร โต๊ะจีนเลือกอาหารด้วย ของรับไหว้เอาแบบไหนดี ของในพิธีสำคัญๆ ญาติผู้ใหญ่เตรียมให้หมดเลย เรากับเจ้าบ่าวก็มีหน้าที่หาชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว เมื่อถึงวันงานตื่นเต้นมาก นอนไม่ค่อยหลับ กังวลไปหมด กลัวว่าอาหารจะไม่พอกับแขกมาร่วมงาน เพื่อนๆ พี่ ๆ ที่มาจากกรุงเทพฯ ก็กลัวว่าจะเดินทางไม่สะดวก เมื่อได้ฤกษ์แล้ว แขกทยอยกันมาร่วมงาน แต่ละคนแต่งตัวกันเต็มที่ สวยๆ หล่อๆ กันทั้งนั้น และแล้วขบวนแห่ขันหมากมา มีเสียงโห่ร้องแห่ขันหมาก วันนั้นยิ้มไม่หุบเลย มีความสุขมาก เห็นทุกคนในงานยิ้ม หัวเราะ ร้องเพลง เต้นกันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นการนัดพบเครือญาติ คนที่ไม่เคยเจอกันเลย ก็มาเจอกันในงาน โผเข้ากอดกัน เด็กๆ ก็ไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ ขบวนแห่ขันหมากมาถึง กั้นประตูเงิน ประตูทอง ล้างเท้าเจ้าบ่าว เข้าในพิธีบ่ายศรีสู่ขวัญเจ้าบ่าว เจ้าสาว นับสินสอดทองหมัน พ่อพราหมณ์ก็เริ่มพิธีบายศรีสู่ขวัญ เสร็จแล้วผูกข้อไม้ข้อมือเจ้าบ่าว เจ้าสาว เอาล่ะที่นี้ได้ถึงความตื่นเต้นขึ้นมาอีกได้เวลาส่งตัวเจ้าบ่าว เจ้าสาว เข้าห้องหอแล้ว เมื่อเข้าสู่ประตูวิวาห์เสร็จ ผู้ใหญ่ให้ทำอะไรเราก็ทำ พ่อ แม่ ให้โอวาท เสร็จแล้วก็ให้นอนยังไง ท่านอนแบบไหน เอาขาขัดกัน หญิงขัดชาย ชายขัดหญิง ไม่อยากอธิบายเยอะเพราะคนเขียนก็อายเป็น เอาเป็นว่าพอแค่นี้แล้วกัน เสร็จจากนั้นก็มาถ่ายรูปร่วมกันกับแขก อ้อ! จะบอกว่าอาหารโต๊ะจีนนะเมื่อแขกทยอยมาก็เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ เมื่อส่งแขกกลับกันหมดแล้ว ความเหนื่อยก็มาทันที วันนั้นบอกตรงๆ ว่าไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน มากินอีกทีก็ตอนเย็นแล้วก็นอนเลยค่ะ มีหลายๆ คนเขาพูดว่า “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” จริงๆ แล้วการแต่งงานก็เหมือนการซื้อลอตเตอรี่  ถ้าถูกก็ดีไป ถ้าไม่ถูกก็เจ็บตัว แต่หลายๆ คนก็ไม่เคยเข็ด ก็ยังอยากจะลองไปเรื่อยๆ ผู้เฒ่าผู้แก่พูดกับข้าพเจ้าว่า “ชีวิตพึ่งจะเริ่มต้น” สรุปแล้วเจ้าสาวใหม่คนนี้จะทำชีวิตคู่ให้ดีที่สุด มีภาพประกอบ

ขบวนแห่ขันหมาก
ขบวนแห่ขันหมาก
กั้นประตูเงิน ประตูทอง
กั้นประตูเงิน ประตูทอง
พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าวก่อนเชิญเข้าบ้าน
พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าวก่อนเชิญเข้าบ้าน
เข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญ
เข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญ