ศิลปะในการทำงาน

ศิลปะ แปลว่า การแสดงออกมาให้ปรากฏขึ้นได้อย่างงดงามน่าพึงชม  หมายถึง “ฉลาดทำ” คือ ทำเป็นนั่นเอง เช่นทำกับข้าวอร่อยมาก จนได้เครื่องหมายเซลล์ชวนชิม หรือหมึกแดงชวนชิม แม่ช้อยนางรำหรือมีแฟรนไชส์ครอบคลุมประเทศหรือทั่วโลกก็เป็นได้  หรือบางท่านมีหมัดหนักสามารถชกมวยเป็นแชมป์โลกได้เหมือนกัน  ไม่ใช่จะมีความรู้อย่างเดียวยังใช้ได้ไม่เต็มร้อยต้องมีความสามารถด้วย เช่น อ่านตำราว่ายน้ำสามารถหลับตาลืมตาท่องได้คล่องแล้ววางตำรานึกว่าฉันว่ายน้ำได้แล้ว  กระโดดลงสระตูมเงียบไม่โผล่เลย

IMG20141014173347IMG20141014173838

สำหรับผมเมื่ออายุ 18 ปีซึ่งเป็นช่วงอยู่ชั้นม.ศ.ปลายผู้มีญาณหูทิพย์แต่ตาพิการบอดสนิททำนายผมว่านี่ “นิ้วคุณทั้งสิบนิ้ว” มีเสียงดังเหมือนข้าวโพดคั่วนั่นแหละคือ อาชีพของผม  จะไม่ดังได้อย่างไรผมกำลังหัดพิมพ์ดีดทุกวันเตรียมเข้าทำงานใน กทม. และเริ่มปฏิบัติงานห้องสมุดเมื่อปี 2522-ปัจจุบัน ๓๗ ปีพอดี เริ่มตั้งแต่ ผอ.คนแรก คือ ผอ.ผกายวรรณ เจียมเจริญ ผอ.นวลฉวี สุธรรมวงศ์ อ.ดร.เต็มใจ สุวรรณทัต อ.ดร.เพ็ญศรี ก๊วยสุวรรณ ผอ.ประไพรพรรณ จารุทวี ผอ.ศรีจันทร์ จันทร์ชีวะ  ผอ.แจ่มจันทร์ นพบุตรกานต์ และผอ.ศรีจันทร์  จันทร์ชีวะ-ปัจจุบัน

หลวงพ่อเทศน์ว่าเมื่อสมัยครั้งพุทธกาล  มีชายหง่อยคนหนึ่งนอนใต้ต้นโพธิ์สามารถดีดขี้แพะฉลุลายใบโพธิ์ได้อย่างวิจิตรมาก พอดีพระราชาผ่านมาเลยรับสั่งรับตัวเจ้าหง่อยเข้าไปเป็นเสนาบดีดีดขี้แพะในวัง เสนาบดีคนอื่นๆที่เข้าเฝ้าพระราชาพูดมากๆจะให้เจ้าหง่อยดีดขึ้แพะเข้าปากทีละคำๆเพื่อทำโทษจนไม่กล้าพูดพระราชาจึงได้ตรัสบ้าง

สำหรับศิลปะหรือความสามารถพิเศษของผม ทำไมทำงานห้องสมุดจึงมาเป็นสิงห์รถบรรทุกไปได้ ก็นึกสนุกๆ อยากทำรถบุปผาชาติแตงโมดูบ้างอาจหลุดโลกไปบ้างก็ได้ออกโทรทัศน์ช่อง 9 ของรายการตามไปดูในสมัยนั้น ปรากฏว่าได้ทองสองสลึงสี่เส้น คือแนะนำเองแสดงเอง  ต่อมานำแตงโมมาหัดแกะสลักเป็นดอกรักเร่ ฟักทองเป็นดอกรักเร่ แตงกวาเป็นใบเฟิร์นพริกแดงพริกเหลืองเป็นดอกดาวกระจายบ้าง  พอจัดลงกระทงส่งเข้าประกวดความคิดสร้างสรรค์ได้รับรางวัลชนะเลิศอยู่บ่อยๆ  ต่อมานำลูกโป่งมาประดิษฐ์ตามตำราต่างๆ ปรากฏว่าสามารถใช้ประดับในงานต่างๆได้อย่างหรูหราไม่แพ้มืออาชีพ

สำหรับศิลปะในการทำงานธุรการของผมไม่มีอะไรมากคือตั้งใจทำจริงใจทำและเต็มใจทำ ทำด้วยความสุขและเพลิดเพลินทำตามลำดับดังนี้
1. ด่วนที่สุด
2. ด่วนมาก
3. ด่วน
4. ปกติ
การทำงานเหมือเราอยู่บนเวทีผ้าใบป้องกันแชมป์โอลิมปิก  จะต้องขยันออกหมัดเก็บคะแนนทุกยก  แก้ไขจุดอ่อน เช่นปลายคาง ยุ้งข้าว(ท้อง)  อย่าให้หลับกลางอากาศ ถ้ามีปัญหาให้เสกคาถาว่า”อะไรจะเกิดก็เกิด อะไรจะดับก็ดับเราบังคับไม่ได้” หรือ “เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป” หรือถ้าหนักๆ ใช้คาถานี้  “ใครชอบใครชังช่างเถิด ใครชูใครเชิดช่างเขา ใครเบื่อใครบ่นทนเอา ใจเราสงบเย็นเป็นพอ” หรือ “เป็นเช่นนั้นเอง” หรือพิจารณาว่า  “ตัวเราก็ไม่ใช่ตัวของเราถ้าเป็นของเราจะต้องบังคับไม่ให้แก่เจ็บตายได้สักวันต้องแตกสลายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ เหลือเพียงจิตคือตัวตนที่แท้จริงคอยดูแลร่างและต้องบำรุงรักษาร่างเอาไว้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”  ตามเป้าหมายของชีวิตทุกคน  เป้าหมายคืออะไร คือทำประโยชน์ 3 ให้แจ้ง  ได้แก่ 1. ประโยชน์ชาตินี้ (หาปัจจัยสี่พอหรือยังผมพอแล้ว) 2. ประโยชน์ชาติหน้า (ปิดนรกหรือยัง)  3.ประโยชน์อย่างยิ่ง(พระนิพพาน)  หลวงพ่อท่านยังเทศน์แนะนำอีกว่าสิ่งของทั้งหลายในที่ทำงานห้ามหยิบฉวยไปบ้านเด็ดขาด สิ่งของเครื่องใช้อย่าให้เหมือนที่ทำงานควรหลีกเลี่ยง แม้กระดาษชำระก็ยังเคยเกิดปัญหาได้ต้องใช้ต่างยี่ห้อกัน นี่คำแนะนำของพระท่านหนึ่งที่ผมเคารพและศรัทธา