ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ-เชียงใหม่ ผสานมือ เปิดบ้านสร้างเครือข่ายห้องสมุด

พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ
พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ

วันที่ 28 พฤษภาคม 2562  หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นเจ้าภาพจัดงานพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ 3 สถาบัน ระหว่างหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ โถงทางเข้าหอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ผศ.เอกรินทร์ ยลระบิล ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผศ.เอกรินทร์ ยลระบิล ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์เอกรินทร์ ยลระบิล ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ เปิดเผยว่า​ หอสมุดแห่ง​มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างห้องสมุด​ ทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาบริการเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการวิจัยรู้ทุกที่ทุกเวลา โดยที่ผ่านมาได้ร่วมสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันทรัพยากรระหว่างห้องสมุด ทั้งในกลุ่มเครือข่ายห้องสมุดทั้งในและต่างประเทศ เครือข่ายห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาเอกชน(THAIPUL) และข่ายงานห้องสมุดมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค (PULINET) ผ่านบริการยืมระหว่างห้องสมุด

สำหรับการลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งนี้ จึงนับเป็นครั้งแรกที่เป็นการยกระดับความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน อีกทั้งยังส่งเสริมการใช้ทร้พยากรสารสนเทศ และการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานร่วมกัน โดยเชื่อว่าความร่วมมืิอภายในระยะเวลา​ 3​ ปี​จะเห็นถึงการพัฒนาห้องสมุดทั้ง​ 3​ สถาบันที่เข้มแข็งและเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน​ และการสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการ​ของทั้ง​ 3​ สถาบัน

รศ.ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า​ สำนักงานวิทยทรัพยากร​ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเป้าหมายสำคัญเพื่อการเป็นหอสมุดกลางของประเทศ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบไม่มีขีดจำกัด ด้วยการพัฒนาบริการและนวัตกรรมใหม่ๆ​ พร้อมกับการขยายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่นกัน สำหรับการลงนามความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ จึงเป็นอีกครั้งหนึ่ง​ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆ​ หน่วยงาน ไม่ได้เฉพาะหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์กับนิสิต นักศึกษา​ อาจารย์​ และนักวิจัยของแต่ละสถาบัน​ ที่จะมีแหล่งค้นคว้าและใช้ข้อมูลได้กว้างขวางมากขึ้น​ รวมไปถึงบุคลากรของทั้ง ​​3 ​หน่วยงานที่จะได้ร่วมมือและปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด อีกทั้งมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์การทำงานในมุมมองและบริบทที่แตกต่างเพื่อประสานการทำงานได้อย่างเหมาะสม

นางสาววรารักษ์ พัฒนเกียรติพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
นางสาววรารักษ์ พัฒนเกียรติพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ด้านนางสาววรารักษ์ พัฒนเกียรติพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่​ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การลงนามความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่มหาวิทยาลัยทั้ง​ 3​ แห่งได้ร่วมมือกันในการพัฒนาห้องสมุด​ เพราะเชื่อว่าแต่สถาบันต่างมีจุดเด่น และมีทรัพยากรสารสนเทศที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ ด้านศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยขับเคลื่อนผ่านห้องสมุดของทั้ง 3 สถาบัน ในการทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการและประสานงานด้านการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรสารสนเทศระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลาของนักศึกษา และสร้างความเข้มแข็งทางด้านแหล่งเรียนรู้เพื่อการค้นคว้าวิจัยของอาจารย์และนักวิจัยของแต่ละสถาบันด้วย

ทั้งนี้ สำหรับแผนการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการของทั้ง 3 สถาบัน อาทิ การจัดประชุมวิชาการ การพัฒนาทรัพยากรอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ฉบับย้อนหลัง ระบบหนังสือหายาก การศึกษาดูงานและเรียนรู้การทำงานทั้งในด้านจดหมายเหตุของสถาบันและคอลเลคชันพิเศษ การพัฒนาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ WMS  งานด้านการสื่อสารองค์กรและการผลิตสื่อมัลติมีเดีย รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพัฒนาระบบบริหารคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 เพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานห้องสมุด ซึ่งหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ผ่านการรับรองระบบมาตรฐานตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้  การที่ทั้ง 3 สถาบันได้มีความร่วมมือกันอย่างครอบคลุมในทุกมิติ  ทั้งในส่วนของการพัฒนาทางด้านวิชาการ บริการ  บุคลากร  และการพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศร่วมกัน  นับได้ว่าความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา  ค้นคว้า  วิจัย  ของทั้ง 3 สถาบันเท่านั้น  แต่ยังหมายถึงการร่วมกันพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของชาติ  ซึ่งจะมีส่วนทำให้ภาคสังคมเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศอันเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญานี้ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย