มงคลแห่งชีวิต

Image

แหล่งข้อมูลภาพ http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000105335

ภาพข้างต้นเป็นเรื่องที่ผู้เขียนอยู่ในเหตุการณ์นี้จริง  จึงขอเล่าเรื่องอันเป็นมงคลแห่งชีวิตนี้

ในแต่ละวันมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมายและผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งสิ่งดีและไม่ดี อยู่ที่เราจะเลือก  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2557 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นเรื่องดี ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังเรียงร้อยผ่านตัวอักษร ผู้เขียนได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน ที่เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ณ โรงพยาบาลศิริราช

ในหลวงทรงประทับรถเข็นพระที่นั่งมายังลานพระพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกผ่านทางลาดพระบาทบริเวณอาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีผ่านราษฎรที่มารอรับเสด็จฯ อย่างเนืองแน่น ต่างส่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญๆๆ” อย่างกึกก้องทั่วโรงพยาบาลศิริราช

ในตอนแรกผู้เขียนเดินออกมาจากร้านหนังสือนายอินทร์ซึ่งอยู่ในอาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้สังเกตเห็นนายทหารหลายนายวิ่งกรูกันมาอย่างรวดเร็ว  ตามนิสัยคนไทยจึงวิ่งตามมาดูทิ้งระยะห่างพอสมควร สังเกตอีกฝั่งซึ่งเป็นอาคารสยามมินทร์ มีผู้คนนั่งพับเพรียบเรียบร้อย ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา เริ่มมั่นใจว่า “ในหลวง” ต้องเสด็จฯ แน่นอน เป็นจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ ผู้คนเริ่มนั่งลงเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้เขียนและลูกๆ นั่งรอรับเสด็จฯ  ลูกๆ ได้ไปนั่งแถวหน้าสุดเพื่อจะได้เห็นในหลวงชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เมื่อในหลวงเสด็จฯ ผ่าน ทุกคนที่รอรับเสด็จฯ ก็กล่าวเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญๆๆ” ในหลวงท่านทอดพระเนตรมาที่ราษฎร และเด็กๆ ผู้เขียนขนลุกซู่ มีอาการตื้นตันใจมาก น้ำตาไหลออกมาคลอเป้าตา ผู้เขียนเคยดูรายการถ่ายทอดสดเนื่องในวันโอกาสสำคัญๆ เห็นผู้คนร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม เมื่อเห็นในหลวง และเมื่อเกิดขึ้นกับตนเองจึงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งจริงๆ ว่าเป็นอย่างไรเมื่อได้เห็นในหลวง ทั้งที่เคยเฝ้ารับเสด็จในหลวงตั้งหลายๆ ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้แปลกประหลาดมาก น้ำตาแห่งความปลื้มปิติไหลออกมา เป็นบุญแท้ๆ ที่มีโอกาสได้รอรับเสด็จในหลวงอีกครั้ง ผู้เขียนมีความสุขใจมากที่มีโอกาสเช่นนี้ ดูในหลวงทุกครั้งไม่เคยเบื่อเลย ผู้เขียนมีความสุขใจมากยิ่งขึ้น เป็นพลังที่เติมเต็มให้ชีวิต

ในวันนั้นผู้เขียนได้ไปรอรับเสด็จฯ พร้อมกับลูกๆ ทั้งสามคน ลูกคนโตบอกว่า ”หนูดีใจมากแม่ที่เจอในหลวง แต่หนูสงสารท่านค่ะ เพราะท่านนั่งรถเข็น ท่านป่วย” ส่วนลูกคนที่สองบอกว่า   “หนูดีใจมากที่เจอในหลวง หนูร้องเสียงดังเลยแม่  ให้ในหลวงท่านทรงพระเจริญ แม่รู้มั๊ยครับ  ผู้ชายที่นั่งข้างหนูเขาพูดว่า ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญๆๆ เสียงดังมาก หนูก็เลยต้องแข่งกับเขา แต่หนูเสียงดังสู้เขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า หนูสู้เขาไม่ได้จริงๆครับ และในหลวงหันมามองหนูด้วยครับ”  ส่วนลูกคนสุดท้องบอกว่า “วันนี้เป็นวันเกิดหนูด้วย หนูได้ของขวัญที่มีค่ามากที่สุดในโลกแล้วแม่ เพราะว่าหนูได้เจอในหลวงในวันเกิด หนูจะเป็นเด็กดีเพื่อในหลวง และเพื่อพ่อแม่และทุกคนด้วยค่ะ” วันนั้นทุกคนยิ้มแก้มแทบปริ ดีใจที่ได้เจอในหลวง

ในหลวงท่านทรงงานหนักมาก ถึงแม้ว่าท่านจะประชวรและพักรักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลศิริราช ท่านก็ไม่ทรงหยุดพักเลย ทรงงานหนักตลอด ท่านรักประชาชนของท่านมากเห็นได้จากโครงการพระราชดำริที่เกิดขึ้นมากมากไม่ว่าจะเป็นโครงการเศรษฐกิจพอเพียง โครงการแก้มลิง โครงการช่างหัวมัน โครงการแกล้งดิน โครงการปัญหาการจลาจร และอีกหลายๆ โครงการ  น้ำพระทัยที่เต็มเปี่ยมของพระองค์เพื่อปวงชนชาวไทย เพื่อการอยู่ดีกินดีของประชาชน คนไทยจึงรักในหลวงมากเช่นกัน

ผู้เขียนมีความรู้สึกปลื้มปิติใจเป็นอย่างยิ่ง จากการได้มีโอกาสเฝ้ารอรับเสด็จฯ ในหลวงถือว่าเป็นมงคลที่ดีที่สุดแห่งชีวิต ในวโรกาสนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก จงคุ้มครองปกป้องรักษาให้ในหลวงทรงหายจากอาการประชวร และอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป ทรงพระเจริญ

มีนา เปรมมุณี