สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22-23 ม.ค 2558 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าร่วมรับฟังการเสวนาทางวิชาการเรื่อง นานาสาระจากคัมภีร์ใบลาน ซึ่งทางหอสมุดแห่งชาติ ได้จัดขึ้น มีท่านผู้ทรงความรู้ทั้งฆารวาสและบรรพชิตเข้าร่วมเสวนาหลายท่าน ทั้งนักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานได้พูดถึงประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการในแต่ละยุคและแต่ละสมัย เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าทรงพระชนมายุ ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่ดีแล้วว่า พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนหลักธรรม แก่พระสาวกทั้งหลาย โดยใช้มุขปาฐะ พระสาวกรุ่นแรกได้บรรลุคุณธรรมขั้นต่าง ๆ ตลอดถึงเป็นพระอรหันต์ จำนวนมาก
หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระองค์มิได้ทรงแต่งตั้งให้ใครปฏิบัติหน้าที่แทน พระองค์ นอกจากพระธรรมวินัยเท่านั้น แต่ก็ยังมีพระภิกษุบางรูปที่ยังมีกิเลส ย่อมมีความคิดเห็น แตกต่างไปจากพระธรรมวินัยโดยใช้ความคิดเห็นของตนเองเป็นหลัก จึงเป็นเหตุให้เกิดมีการทำ สังคายนาขึ้น
สังคายนา คืออะไร เพื่อทำความเข้าใจให้กระจ่างขึ้น ความหมายของสังคายนา คือ การสะสางตรวจสอบ และร้อยกรองพระธรรมวินัยไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกในการจดจำ และทำความเข้าใจในหลักธรรมที่พระองค์ทรงเสด็จไปเทศนา ให้แก่บุคคลต่าง ๆ ตลอด 45 พรรษา
สังคายนาครั้งที่ 1
หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 7 วัน พระภิกษุบางรูปที่ยังมีกิเลส พากันเศร้าโศกเสียใจ มีภิกษุรูปหนึ่งชื่อสุภัททะ ได้กล่าวปลอบใจว่า อย่าเศร้าโศกเสียใจไปเลย พระองค์ปรินิพพานไปแล้วก็เป็นการดี ต่อไปพวกเราจะทำอะไร ก็ทำได้ตามความชอบใจ ไม่มีใครมาห้ามปราม ในสมัยที่พระองค์มีพระชนมายุ ทรงบอกว่าสิ่งนี้ควรทำ และสิ่งนี้ไม่ควรทำ พระมหากัสสปะเถระ เมื่อได้ทราบ เกิดความสลดใจ จึงดำริว่า นี้เพียงแค่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ได้เพียง 7 วัน เท่านั้น เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นแล้ว ต่อไปภายในภาคหน้าจะไม่ยิ่งกว่านี้หรือ จึงได้เรียกประชุมสงฆ์ซึ่งเป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย จำนวน 500 รูป เข้าร่วมประชุม มีพระมหากัสสะปะเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้รับความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอชาตศัตรู สถานที่ทำสังคายนา คือ ถ้ำสัตตบรรณคูหา ข้างภูเขาภารบรรพต เมื่องกรุงราชคฤห์ ณประเทศอินเดีย ใช้เวลาในการทำเป็นเวลา 7 เดือน จึงสำเร็จ พระมหากัสสปะ เป็นผู้ถาม พระอุบาลี เป็นผู้ตอบในส่วนของพระวินัย และพระอานนท์ เป็น เป็นผู้ตอบในส่วนของพระสูตรและพระอภิธรรม เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการทำสังคายนาครั้งที่ 1 นี้ ไม่ปรากฏว่า มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ใช้มุขปาฐะ ปฏิบัติต่อ ๆ กันมา
สังคายนาครั้งที่ 2
หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 100 ปี (พ.ศ. 100) มีพระยสกากัณฑบุตรเป็นผู้นำมีพระสงฆ์เข้าร่วมประชุม 700 รูป ปรารภเรื่องข้อปฎิบัติย่อหย่อน 10 ประการ ของภิกษุวัชชีบุตร พระเรวตะเป็นผู้ถาม พระสัพพกามีเป็นผู้ตอบ ใช้เวลาในการกระทำเป็นเวลา 8 เดือน ทำที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ประเทศอินเดีย ได้รับการอุปถัมภ์จากพระเจ้ากาฬาโศก ในการทำสังคายนาครั้งนี้ ยังไม่ปรากฏว่า ได้จารึกเป็นอักษรอะไร
สังคายนาครั้งที่ 3
หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 235 ปี มีพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเป็นผู้นำมีพระสงฆ์เข้าร่วมประชุม 1,000 รูป ปรารภเรื่อง พวกเดียรถีร์ คนนอกศาสนามาปลอมบวช ได้รับการอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราช ทำอยู่เป็นเวลา 9 เดือน จึงสำเร็จ ทำที่อโศการาม กรุงปาตลีบุตร ประเทศอินเดีย หลังจากทำสังคายนาเสร็จแล้วได้ส่งพระสงฆ์ไปประกาศพระศาสนาตามภูมิภาค ต่างๆ 9 สายด้วยกัน การทำสังคายนาครั้งนี้ก็ยังไม่ปรากฏว่า ได้จารึกลงในอักษรอะไร แต่ภาษาที่ใช้ทำสังคายนา เป็นภาษามคธ โดยการใช้ความทรงจำด้วยมุขปาฐะ
สังคายนาครั้งที่ 4
การทำสังคายนาครั้งนี้ เป็นการทำของฝ่ายมหายาน เพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายเถรวาทไม่ได้เข้าร่วมด้วย พระเจ้ากนิษกะ กษัตริย์ราชวงศ์กุษาณองค์ที่ 3 ณ เมืองปุรุษ ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนามหายาน ทรงสับสนในหลักธรรมที่พระสงฆ์แสดงแตกต่างกัน พระองค์ทรงปรึกษากับพระปารัศวะ แห่งนิกายสรวาสติวาทิน ได้รับคำแนะนำ จากพระปารัศวะว่า ให้ทำสังคายนา โดยพระเจ้ากนิษกะทรงอุปถัมภ์ ซึ่งมีพระปารัศวะเป็นประธานสังคายนา โดยร้อยกรองพระไตรปิฎกฉบับภาษาสันสกฤต หลังจากทำสังคายนาเสร็จแล้ว ได้จารึกในแผ่นทองแดงและบรรจุลงในพระเจดีย์ การทำสังคายนาครั้งนี้ถือว่าเป็นการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นลายลักษณ์ อักษร การทำสังคายนาครั้งนี้ ทำที่ ณ ชาลันธร แคว้นแคชเมียร์
สังคายนาครั้งที่ 5
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 433 ปี (พ.ศ.433 ) ในสมัยพระเจ้าวัฏฏคามนี มีพระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน ทำที่อาโลเลณสถาน ณ มตเลชนบท ประเทศศรีลังกา การทำสังคายนาครั้งนี้ ได้มีการจารึกลงในใบลาน และได้มีการยอมรับในประเทศต่างๆ มีผลทำให้เกิดความเชื่อของชาวพุทธ และถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากคัมภีร์พระไตรปิฎกเป็นหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ต่อมาภายหลังนิยมการจารึกบทความต่าง ๆ ที่สำคัญลงในใบลาน เช่น ตำรายาแพทย์แผนโบราณ คัมภีร์ต่าง ๆ เป็นต้น ความคงทนของใบลาน เมื่อจารึกแล้ว จะอยู่ได้นาน
ทุกวันนี้หอสมุดแห่งชาติได้รวบรวมคัมภีร์ที่จารลงในใบลานจากสถานที่ต่าง ๆ มาทำการอนุรักษ์เพื่อเก็บไว้ให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อจะได้ศึกษาต่อไป
บรรณานุกรม
วิเชียร ชาบุตรบุณฑริก. พุทธศาสน์. กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์, 2535.
สุชาติ หงษา . ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ:ศยาม, 2550.