สามเณรน้อยภาคฤดูร้อน

นับเป็นความโชคดีของเด็กผู้ชายในช่วงปิดภาคเรียนใหญ่ที่ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา พระท่านได้อบรมสั่งสอนขัดเกลาจิตใจ ดีกว่าอยู่บ้าน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เฟซบุกส์ ไลน์ กันยุ่งเหยิงหัวใจ บ้างก็เที่ยวเตร่ ยิงนก ตกปลา กับเพื่อนๆ และอาจสร้างความทุกข์ใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ลูกคบเพื่อนไม่ดี ทำแต่เรื่องเสียหายให้กับครอบครัวอย่างไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน ปิดเทอมคราวนี้จึงนับว่าเป็นความโชคดี ผู้เขียนไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แล้วเสือกไสไล่ส่งให้ลูกไปอยู่วัด ฝากลูกไว้ที่วัดน่าสนใจ เพราะเด็กๆ และผู้ปกครองได้รับประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง

SAM_0538

เมื่อลูกบวชอยู่ที่วัด ผู้เขียนได้ไปเยี่ยมสามเณรเกือบทุกวัน สภาพดินฟ้าอากาศเดือนเมษายนของประเทศไทยร้อนระอุมากๆ จนสามเณรเอ่ยปากกับผู้เขียนว่า “โยมแม่ไม่ต้องมาทุกวันหรอกนะ” ผู้เขียนจึงว่า “ ทำไมค่ะ จึงไม่ให้มาทุกวัน พระอาจารย์สั่งห้ามหรือเปล่า” สามเณรตอบว่า “ไม่ใช่ครับ” ผู้เขียนยิงคำถามอีกครั้ง “ทำไมไม่ให้มา โยมแม่คิดถึง โยมแม่เป็นห่วงให้โยมแม่มานะ” สามเณรกล่าวว่า” ตอนนี้อากาศร้อนกลัวแสงแดดจะแผดเผาแม่ จะทำให้แม่ไม่สบาย กลัวแม่จะแก่เร็วครับ แดดทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ครับ” ตอนแรกคิดว่าลูกรำคาญที่แม่มาหาทุกวัน ถึงบางอ้อ ที่แท้กลัวแม่ไม่สบาย คนเป็นแม่ก็สุขใจยิ่งนักที่ได้ยินประโยคนี้จากคำพูดของลูก คำโบราณกล่าวไว้ว่าว่าลูกสาวเลี้ยงกาย ลูกชายเลี้ยงใจ เป็นเช่นนี้เอง จากคำพวกเล็กๆน้อย คำพูดดีที่เป็นมงคลสักประโยคหนึ่งที่ออกมาจากเด็กตัวเล็กๆ ก็สามารถหล่อเลี้ยงจิตใจของผู้เป็นแม่ได้อย่างซาบซึ้งใจยิ่งนัก มันช่างสุขใจจริงหนอ…

สมบัติที่ล้ำค่าของพ่อแม่ก็คือ ลูกที่อยู่ในโอวาท มีความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี เป็นเด็กดีอยู่ในสายตาเของพ่อแม่ตลอดเวลาและ และอยู่มาวันหนึ่งลูกอยากออกไปเผชิญภัยในโลกกว้าง ความห่วงใยจึงบังเกิดขึ้น ผู้เขียนไม่อยากให้ลูกไปไหน อยากให้ลูกอยู่กับตนเอง แต่เป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ ต้องปล่อยเด็กบ้าง ในเมื่อเป็นความปราถนาของลูก ผู้เขียนขัดขวางการสร้างบุญของลูกทุกอย่าง และพร้อมที่จะเป็นนังแม่มารร้ายขัดขวางการไปอยู่วัดของบุตรชาย แต่ก็มิอาจต้านกระแสความดีงาม และความปราถนาอย่างแรงกล้ามิได้ เมื่อลูกมีความประสงค์แม่ก็ไม่สามารถฝืนใจลูกได้ ความเป็นแม่มารร้ายก็ยังไม่อาจหายไปจากจิตใจและด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลูกยังเล็กเกินไป มีความกังวลใจ เหลือเวลาอีก 5 วัน ก็จะได้กลับไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัด แต่บัดนี้บุตรชายของผู้เขียนซึ่งได้บวชเป็นเณรน้อยแล้ว ได้อยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัฒน์ ผู้ขียนคิดในใจอย่างเก่งก็บวชได้ไม่เกิน 3 วัน ขี้เกียจจะถอดจีวรฝากไว้ที่ต้นใม้ต้นใดต้นหนึ่งภายในวัด แล้วก็ร้องไห้วิ่งตามแม่กลับบ้าน ผู้เขียนเดินคิดอะไรเพลิดเพลิน เดินผ่านริมรั้วมาถึงลานวัดเลี้ยวซ้ายผ่านกุฎเจ้าอาวาส เดินตรงมาเรื่อยๆ และเลี้ยวขวามุ่งตรงสู่หอฉันอีกครั้ง ทันใดนั้นเองผู้เขียนก็เดินหกล้มเท้าพลิกแพลงเพราะเหยียบไม้กระดานที่วางไว้สำหรับให้รถเข็นของวัดขึ้นลง และ เนื่องจากเป็นพื้นต่างระดับจึงเดินสะดุดขาตนเองและหกล้ม ก้าวขาเดินต่อไปไม่ไหวเหมือนใครจับหักขา ผู้เขียนมีจิตคิดอกุศลโดยคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะให้ลูกลาสิกขาจากการเป็นสามเณรแต่มาเจ็บเท้าจึง พะวงกับการเจ็บปวดจากอุบัติเหตุเท้าระบมมาก สามเณรจึงหายาหม่องให้ทาถูบรรเทาความเจ็บปวด จนลืมเรื่องให้ลูกลาสิกขาในวันนั้นเอง

ผู้เขียนกลับมาคิดพิจารณาอีกครั้งว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ผู้เขียนอยากให้ลูกลาสึกขาจากการเป็นสามเณร แต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้แต่แรก สามเณรได้อยู่ในเพศของบรรพชิต ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะที่วัดต่อไป คืนนั้นผู้เขียนสวดมนต์ไหว้พระ ทำจิตใจให้สงบ

เมื่อถึงกำหนดเวลาที่จะไปเยี่ยมคุณยายที่จังหวัดนคร จึงไปบอกลาสามเณร ผู้เขียอดเป็นห่วงไม่ได้ จนสามเณรบอกว่า “โยมแม่ครับ โยมแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เณรอยู่ได้สบายมาก เณรฉันข้าววันละสองมื้อ ตอนเย็นไม่หิวแล้ว ฉันไวตามินทุกๆวันเลยครับ… ตอนเย็นยุงก็ไม่เยอะ ไม่ต้องกางมุ้ง เพื่อนเณรหลายๆคนนอนรวมห้องเดียวกัน นอนห้องแอร์อากาศเย็นสบายมากครับ แต่เณรขอผ้าห่มด้วยครับตอนดึกๆ อากาศเย็นมีเพื่อนเณรคนอื่นชอบแย่งผ้าห่มครับ และผ้าจีวรของเณรก็ไม่ต้องซักเองครับ ที่วัดมีเครื่องซักผ้า มีญาติโยมมาบริจาค พี่เณรคนตัวโตๆเขาใจดี เขาเอาผ้าจีวรลงเครื่องซักผ้าและให้เณรตากผ้าเองครับ… โยมแม่ไมต้องเป็นห่วงนะครับ เณรอยู่ได้จริงๆครับ”

ผู้เขียนตะลึงในคำพูดของลูกเณร วัดเดี่ยวนี้มีความทันสมัยดีแท้ มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกสิ่งทุกอย่าง เด็กๆ ได้เรียนรู้และปฏิบัติธรรมอยู่กันอย่างจริงจัง มีพระสงฆ์ที่เป็นครูบาอาจารย์ได้อบรมสั่งสอน ขัดเกลาจิตใจให้เป็นคนดี มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สามเณรเล่าต่อว่า “วันนี้มีคุณครูมาสอนวิชาภาษาอังกฤษด้วย เป็นคุณครุผู้หญิงสอนดี และใจดีด้วยครับ ” สามเณรยิ้ม และเล่าต่อว่า ”วันนี้เณรได้ฉันอาหารที่คุณครูภาษาอังกฤษนำมาถวายด้วยครับแม่ คุณครูเลี้ยงไอติมด้วยครับ อร่อยมากๆ เณรฉันจนอิ่มเลย”

ผู้เขียนพูดว่า “ดีจัง มีคุณครูมาสอนทุกวันมั๊ยค่ะ แล้วลูกเณรทำอะไรบ้าง ตื่นนอนกี่โมงค่ะ”สามเณรตอบว่า ตื่นนอนตี 4 เก็บที่นอนให้เรียบร้อย สวดมนต์ไหว้พระ พอ 6 โมง ออกบิณฑบาต สามเณรตั้งคำถามถามผู้เขียนว่า “โยมแม่รู้มั๊ยครับ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการไปบิณฑบาต มีอะไรบ้าง” สามเณรตั้งคำถามๆ โยมแม่จึงตอบว่า ”ไม่ทราบค่ะ โยมตอบปัญหาที่ลูกเณรทายไม่ถูก โยมแม่ยอมค่ะ ให้ลูกเฉลยค่ะ” สามเณรตอบว่า “มีสองอย่างครับ ” สามเณรพูดพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นมาและตอบว่า “ตอนบิณฑบาตต้องถอดรองเท้าเดิน เณรโดนก้อนหินบาดเท้า เจ็บมากครับ เณรขอให้โยมแม่ถวายพลาสเตอร์ยาให้เณรด้วยนะครับ ขอ 2 แผ่น พอครับ “ พร้อมแสดงบาดแผลที่โดนก้อนหินบาดให้ดู

486772_571386709561510_1061409339_n
และเฉลยข้อถัดไปว่า “ข้อที่สองหมาครับ หมาเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด ตอนเช้าพระอาจารย์และเณรเดินบิณฑบาตที่บ้านคุณยายคนหนึ่งที่บ้านนั้นมีหมาเยอะมาก มันชอบเห่าและไล่กัดเณร แต่หมามันไม่กัดพระอาจารย์นะครับเพราะว่าพระอาจารย์ท่านเดินหน้า พระอาจารย์เป็นผู้ใหญ่ ส่วนเณรและเพื่อนเณรหลายคนเดินตามหลัง มันชอบเห่าเสียงดัง แล้วไล่กัดเณรครับ สงสัยมันไม่ชอบเด็กๆ นะครับโยมแม่ “

ผู้เขียนถามสามเณรว่า “หมากัดลูกเณรหรือเปล่า “ สามเณรตอบว่า “ไม่กัดครับ เพราะว่าเณรอยู่ตรงกลางๆ หมามันจะกัดคนที่เดินข้างหลัง คนสุดท้ายครับ” ผู้เขียนจึงสอบถามวิธีแก้ปัญหาของเด็กๆว่าจะทำอย่างไร หากโดนหมากัด “อ้าว! แล้วเณรทำอย่างไรละลูก” เณรตอบว่า “ ”มีเพื่อนเณรคนหนึ่งชื่อเณรออม เขาหยิบซองม่าม่าออกจากในย่ามที่โยมใส่บาตรมา แล้วตะโกนเสียงดังใส่หมาว่า เอ้ย มึงอย่ามากัดเพื่อนกูนะ ไม่อย่างนั้นมึงโดนซองม่าม่าแน่ อย่ามากัดเพื่อนกูนะโว้ย กูเอาจริง ๆนะ หมามันหยุดแล้วก็ไม่กัดเณร แต่พอเดินมาได้สักนิดถึง มันก็เห่าและตามมาจะกัดพวกเณรอีก เพื่อนเณรออมก็หยิบซองม่าม่าออกมาทุกครั้ง และทำเสียงขู่หมาด้วย” ผู้เขียนกล่าวว่า ”แสดงว่าม่าม่าช่วยชีวิตพวกเด็กๆไว้ซิค่ะ “ สามเณรตอบว่า ” ใช่ครับม่าม่ามีบุญคุณ พวกเณรจึงไม่โดนหมากัด” เณรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และมีความภาคภูมิใจมากที่สามารถพิชิตผ่านด่านสำคัญเรื่องหมามาได้

การฝากลูกไว้ที่วัดในช่วงปิดภาคเรียนใหญ่ภาคฤดูร้อนถือว่ามีประโยชน์อย่างมากกับเด็กๆ เด็กได้มีโอกาสการอยู่ร่วมกันในสังคม ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามคับขับ มีเวลาศึกษาพระธรรมคำสอนของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าการเรียนวิชาการที่โรงเรียนถือว่าเป็นวิชาชีพที่ไว้เลี้ยงกายในยามเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ๋ในภายภาคหน้า แต่การศึกษาวิชาธรรมะนับว่าเป็นวิชาชีวิตไว้ช่วยเหลือตนเอง คนเราควรจะได้ศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม เด็กได้สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการศึกษา เด็กๆได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระสงฆ์ผู้ประพฤติประพฤติชอบ ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม และขัดเกลาจิตใจให้เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อไม่ซน ไม่ไปมั่วสุมกันคบเพื่อนไม่ดี ได้อยู่ใกล้ชิดผู้ใหญ่ไม่เสียคน

พ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่จิตเป็นบุญเป็นกุศล ขอเชิญชวนให้บุตรของท่านได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอน เพื่อเป็นการเผยแผ่และสืบทอดพระพุทธศาสนา ควรจะให้เข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อยดีกว่าเข้าวัดเมื่อตอนที่สังขารไม่อำนวยแล้ว ฝากลูกปฏิบัติธรรมไว้ที่วัดจึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรสนับสนุนส่งเสริมบุตรหลานในช่วงปิดภาคเรียนใหญ่ ให้มีโอกาสบ้างนะค่ะ อนุโมทนา สาธุค่ะ