หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการของพนักงานมหาวิทยาลัย มธ

staircase-success_23-2147501685

การตั้งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการของบุคลากรนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญของบุคลากร เนื่องจากเป็นเรื่องของความก้าวหน้าในสายอาชีพ เพื่อพัฒนาตนเองและงาน ดังนั้นบุคลากรที่ทำงานมาได้ในระยะหนึ่งจะมีความชำนาญในสายงานของตน มองเห็นปัญหาในการทำงาน ดังนั้นการนำประสบการณ์ดังกล่าวมานำเสนอในรูปแบบของผลงานจึงเป็นประโยชน์ในการพัฒนาความก้าวหน้าในสายอาชีพ และพิจารณาในการดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น

หลักเกณฑ์ที่บุคลากรหอสมุดฯ จะใช้เพื่อการประเมินและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการ จะระบุไว้ที่ ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการของพนักงานมหาวิทยาลัย สายสนับสนุนวิชาการ พ.ศ.2561 ซึ่งในประกาศ ดังกล่าวได้เพิ่มหลักเกณฑ์ของผู้ขอรับการประเมินในกรณีพิเศษซึ่งส่งเสริมให้บุคลากรที่เข้าทำงานได้ไม่นาน แต่มีความสามารถ สามารถขอระดับชำนาญการได้

ยกตัวอย่างเช่นในกรณีปกติผู้ขอเข้ารับการประเมินต้องปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี ในตำแหน่งที่บรรจุด้วยวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่กรณีพิเศษนั้นผู้ปฏิบัติงานที่บรรจุและแต่งตั้งด้วยวุฒิการศึกษาระดับปริญาตรีหากปฏิบัติงานจนครบระยะเวลาตามสัญญาที่หนึ่งและได้รับการต่อสัญญาระยะที่ 2 ก็สามารถขอตำแหน่งระดับชำนาญการได้ โดยผู้ขอต้องมีผลการประเมินการปฏิบัติงานประจำปีในรอบปีที่ผ่านมาได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป และเป็นผู้มีจริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาชีพเหมาะสม โดยผลงานที่ผู้ขอเข้ารับการประเมินต้องเสนอมี 2 รายการคือ

1.เอกสารแสดงวิธีปฏิบัติงาน จำนวน 1 เล่ม

2.ผลงานเชิงวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรืองานวิจัย หรือผลงานในลักษณะอื่นที่แสดงความเป็นผู้ชำนาญการในตำแหน่งหน้าที่ที่ทำจำนวน 1 ชื้น

โดยทั้ง 2 ผลงานต้องมีความเป็นปัจจุบัน เป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย หรือส่วนงาน และผู้ขอตำแหน่งต้องเป็นผู้ดำเนินการหลักโดยมีส่วนร่วมในการทำผลงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 อีกทั้งผลงานดังกล่าวต้องเป็นผลงานที่ทำขึ้นใหม่ไม่ใช่นำมาจากส่วนหนึ่งของการศึกษาหรืออบรมของผู้เข้ารับการประเมิน

บุคลากรท่านใดสนใจเกี่ยวกับการขอระดับชำนาญาการสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2Pwdkf2