เดิมการลงเวลาปฏิบัติงาน บุคลากรต้องเซ็นชื่อในการเข้าและออกงาน ซึ่งมีเวลาที่กำหนดว่าหมายถึงการมาสาย โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลมาขีดเส้นน้ำเงิน (มาหลัง 8.16 น.) และเส้นแดง (มาหลัง 8.31) ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนการลงเวลาปฏิบัติงานโดยการใช้บัตรประจำตัวบุคลากรในการอ่านบาร์โค้ดเพื่อบันทึกเวลาปฏิบัติงานแทนการเซ็นชื่อ ซึ่งมีการเพิ่มเวลามาสายอีกหนึ่งเส้น คือเส้นเขียว (มาหลัง 8.01) ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จึงได้มีการปรับเปลี่ยนการลงเวลาปฏิบัติงานของบุคลากรเป็นการสแกนลายนิ้วมือแทนการใช้บัตร
ข้อดีของการลงเวลาปฏิบัติงานด้วยเครื่องสแกนลายนิ้วมือ
- สามารถประมวลผลเวลาปฏิบัติงาน การมาสาย การลา การทำงานล่วงเวลาของบุคลากรได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
- ป้องกันการลงเวลาปฏิบัติงานแทนกัน
- ใช้งานง่าย สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว
- ลดความยุ่งยากของพนักงานและฝ่ายบุคคล
- ข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยบนฐานข้อมูลของระบบ
- รวบรวมข้อมูลสรุปรายงานต่างๆ ได้โดยสะดวก
ในส่วนของการปฏิบัติงานของผู้เขียน คือ ดูแลระบบการลงเวลาปฏิบัติงานด้วยการสแกนลายนิ้วมือและสรุปข้อมูลการทำงาน รวมถึงการลาของบุคลากรส่งให้มหาวิทยาลัยทุกเดือน ในแต่ละวันต้องมีการตรวจสอบการสแกนลายนิ้วมือของบุคลากร ทั้งการเข้ามาทำงานและการเลิกจากการปฏิบัติงาน เพื่อให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ เช่น มีการสแกนการเข้างาน แต่ไม่มีการสแกนลายนิ้วมือ เมื่อเลิกงาน อาจจะเกิดจากการลืมสแกน หรือ การต้องไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ แต่ไม่ได้แจ้งหรือส่งหลักฐานที่ไม่ได้สแกนนิ้วในวันดังกล่าว จึงขอความร่วมมือจากบุคลากรทุกท่านในการสแกน และส่งหลักฐานต่างๆ ประกอบให้ครบถ้วน กรณีที่เกิดเหตุที่ไม่มีการสแกนลายนิ้วมือ ทั้งนี้ เพื่อจะได้มีการติดตามให้มีข้อมูลครบถ้วนและเพื่อผลประโยชน์ของบุคลากรแต่ละท่านด้วย