ประโยชน์ และโทษของข้าวเหนียวมะม่วง

ทุกฤดูร้อน เมืองไทยจะมีอาหารหวานยอดนิยมอยู่อย่างหนึ่ง คือข้าวเหนียวมะม่วง

11069499_1587167238208102_6739873259768256282_n

มะม่วงสุกที่กินกับข้าวเหนียว จะมีวิตามินแร่ธาตุหลายอย่างถ้าอยากได้ชนิดที่เนื้อเยอะวิตามินเอเยอะ ให้เลือก น้ำดอกไม้และเป็นมะม่วงที่มี มีเบต้าแคโรทีนสูง ข้าวเหนียวมูน มีแคลอรี่สูง จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน  ถ้าอยากกินข้าวเหนียวมะม่วงให้เน้นกินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียวเพราะเนื้อมะม่วงมีกากช่วยไม่ให้น้ำตาลซึมเข้าเลือดเร็วไป และไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง เพราะข้าวเหนียวกับกะทิมีความหวานและมัน

มะม่วง เหมาะกับ

ผู้มีปัญหาสิว  เพราะมะม่วงมีกรดดีอยู่หลายชนิดช่วยบำรุงผิว มีวิตามินเอ วิตามินอี

ผู้เบื่ออาหาร เพราะมะม่วงมีวิตามินหลายชนิดช่วยชดเชย เช่นวิตามินเอ วิตามินอี ธาตุเหล็ก

คนท้องเสีย น้ำมะม่วงคั้นสดช่วยเป็นแหล่งน้ำตาล “ฟรุกโตส” ชั้นดีที่ช่วยเติมเต็มให้ในช่วงที่ขาดน้ำและเสียเกลือแร่

คนท้องผูก มะม่วงช่วยคลายลำไส้ให้บีบตัวดีแถมมีเส้นใยมากช่วย “ดีท็อกซ์” ลำไส้ได้

ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ กรดเปรี้ยวในน้ำมะม่วงช่วยล้างตั้งแต่กรวนไตไปจนถึงท่อปัสสาวะได้สะอาดหมดจด

มะม่วงไม่เหมาะกับ

โรคไต เพราะขับเกลือแร่ออกได้ไม่ดี

โรคหัวใจรุนแรง เพราะมะม่วงมีแร่ธาตุเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจอย่าง “โพแทสเซียม” อยู่ค่อนข้างสูง

 ประโยช์ของข้าวเหนียวมะม่วง

-กะทิในข้าวเหนียวมูนช่วยทำให้วิตามินเอและอีจากมะม่วงดูดซึมดีขึ้น

-เนื้อมะม่วงสุกช่วยชะชอให้น้ำตาลจากข้าวเหนียวดูดซึมช้าลง

-เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง

-มะม่วงให้ไฟเบอร์สูงช่วยทำให้สดชื่นในผู้ที่เบื่ออาหาร

โทษของข้าวเหนียวมะม่วง

-เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงจึงไม่เหมาะกับผู้มีน้ำหนักเกิน

-แป้งข้าวเหนียวเปลี่ยนเป็นไขมัน “ไตรกลีเซอไรด์” ได้ ถ้าหนักข้าวเหนียวเกินไปทำให้เกิด “มันจุกตับ”ได้

-กะทิกับข้าวเหนียวมีธาตุเค็มที่เร่งความดันสูง

– มะม่วงสุกหวานกับข้าวเหนียวหวานมันกระตุ้นอาการอักเสบร้อนในได้

-ถ้ากินร่วมกับอาหารมื้อหลักอาจทำให้นอนไม่หลับหรือรู้สึกไม่สดชื่นเพราะให้พลังงานสูงเกินไป