Category Archives: สุขภาพ

พลาสติกในตัวเรา

ช่วงนี้มีแต่ข่าวปัญหามลพิษจากพลาสติกที่เกิดขึ้นมากมาย เช่น แพขยะในมหาสมุทรแปซิฟิคมีขนาดเท่าประเทศฝรั่งเศสแล้ว ยังมีข่าว พะยูน กับโลมา ในประเทศไทยตายเพราะมีพลาสติกอยู่ในท้องอีก ล่าสุดมาเรียม พะยูนน้อยชื่อดัง ขวัญใจชาวไทย-ชาวเน็ตทั่วโลก จากไปแล้ว หลังเกิดภาวะช็อกบวกกับกินพลาสติกเข้าไปจนอุดตันลำไส้ และติดเชื้อในกระแสเลือด เชื่อกันไหมประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศที่ทิ้งขยะลงทะเลมากที่สุดในโลก

download aHR0cHM6
Continue reading พลาสติกในตัวเรา

โรคภูมิแพ้ : แพ้อากาศ

ช่วงหยุดสงการนต์ได้มีเวลาว่างเยอะ จึงได้หยิบหนังสือที่กองๆ อยู่ที่ห้อง มาอ่านประดับความรู้ ซึ่งหนังสือเล่มนั้นคือ โรคภูมิแพ้ ตอนแพ้อากาศของ แพทย์หญิงสิรินันท์ บุญยะลีพรรณ  บทความนี่จึงขอสสรุปโรคภูมิแพ้ให้เพื่อนๆ ได้ฟังดังนี้

โรคแพ้อากาศ มีชื่อเรียกที่ถูกต้องว่า “โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้” (Allergic Rhinitis) ซึ่งโรคนี้ไม่ได้เกิดจากการแพ้อากาศที่เปลี่ยนแปลง แพ้ความร้อน ความเย็น หรือ ฝนตกแดดออกแต่อย่างใดๆ ความเปลี่ยนแปลงของอากาศ เป็น”แค่ตัวกระตุ้น” ให้อาการของโรคกำเริบเท่านั้น เพราะสิ่งที่เราแพ้ คือ สารก่อภูมิแพ้ ที่เราสูดหายใจเข้าไปพร้อมๆ กับอากาศต่างหาก

สารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ โปรตีนจากไรฝุ่น แมว หมา แมลงสาบ เชื้อรา ละอองเกสรต่างๆ ซึ่งจะต้องมีสภาพเป็น โปรตีน จึงจะเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ได้  แต่ถ้าเรามีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เวลาอากาศเปลี่ยน ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เสมอไป  อาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเวลาอากาศเปลี่ยน มีสาเหตุได้หลายประการ เช่น โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหวัด โรคไซนัสอักเสบ ฯลฯ ดังนั้นต้องมีการวินิจฉัยและหาสาเหตุของโรค โดยการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังต่อไป  โดยปกติมนุษย์จะมีการสร้างภูมิต้านทานในโรคภูมิแพ้อยู่แล้วเพียงเล็กน้อย เว้นแต่ปัจจัยทางกรรมพันธุ์  โดยส่วนใหญ่มักพบว่าผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มักมีกรรมพันธุ์ที่เป็นโรคโดโรคหนึ่งในตระกูลของโรคภูมิแพ้ พ่อ แม่ ลูก ไม่จำเป็นต้องแพ้สารตัวเดียวกัน ซึ่งยังรักษาในส่วนนี้ไม่ได้

อาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

  1. น้ำมูกไหล ควรเป็นน้ำมูกใสแบบน้ำประปา หรือขาวขุ่นแบบน้ำซาวข้าว บางคนชอบมีตอนเช้า หรือก่อนนอน และมักเป็นเวลาเดิมเสมอ ถ้าเป็นมากจึงจะไหลตลอดวัน
  2. คัดจมูก อาการคัดจมูกนี้จะไม่เป็นตลอด 24 ชั่วโมง
  3. จาม ส่วนใหญ่มักจะจามตอนเช้า และเวลามีอะไรมากระตุ้น จามแล้วมักมีน้ำมูกใสๆ ไหลตามมา
  4. ไอ
  5. คันจมูก คัดมากจนต้องขยี้จมูก
  6. ใต้ตาคล้ำ บวมเกิดจากการคัดจมูกต่อเนื่องนานๆ ส่งผลให้มีการคั่งชองเลือดดำบริเวณใต้ตา
  7. คันตา ขยี้ตา เคืองตา น้ำตาไหล ถ้ามีขี้ตา จะเป็นสีขาวขุ่น
  8. คันเพดานปาก คันหู

การรักษาโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

  1. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
  2. การใช้ยาต่างๆ
  3. การฉีดวัคซีนภูมิแพ้

แหล่งอ้างอิง

สิรินันท์ บุญยะลีพรรณ, เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ. (2555). “โรคภูมิแพ้ ตอนแพ้อากาศ” กรุงเทพฯ : อมรินทร์สุขภาพ.

ห้องสันทนาการ ณ หอสมุดปรีดีฯ มธ.ท่าพระจันทร์

ขณะนี้ที่ชั้น U2 หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ถัดจากห้องอบรมคอมพิวเตอร์(ห้อง IL2) ไปหน่อย ได้ถูกปรับปรุงเป็นห้องสันทนาการ สำหรับใช้บริหารร่างกายและผ่อนคลาย เป็นหนึ่งในสวัสดิการให้แก่บุคลากรสำนักหอสมุดทุกคน Continue reading ห้องสันทนาการ ณ หอสมุดปรีดีฯ มธ.ท่าพระจันทร์

โรคติดเชื้อไวรัสซิกา

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ได้เข้าร่วมสัมมนาพิเศษ เรื่อง “โรคติดต่อไข้ซิกา” ณ ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ 1
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ของสำนักเสริมบริการและสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้จัด โดยมี แพทย์หญิงวรยา เหลืองอ่อน
ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวง
สาธารณสุข เป็นผู้บรรยาย สรุปโดยสังเขปดังนี้

Continue reading โรคติดเชื้อไวรัสซิกา

สุขภาพดีเพราะมีความสุข

จากผลการสำรวจของ TJWT   เอเยนชำนาญงานด้านการสื่อสารการตลาด  สำรวจไว้พบว่า   ปัจจัยที่สร้างความกังวลใจให้กับชาวโลกมากที่สุด (สำรวจ 27 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย )  คือ  ค่าครองชีพและภาวะการว่างงาน      การสำรวจดังกล่าวน้ีได้มาตรงกับกับการสำรวจของกรุงเทพโพล  ของ เดือนกันยายน  ที่ผ่านมาพบว่าคนกรุงเทพ ฯ ร้อยละ 73.5  กังวลเรื่องปัญหาค่าครองชีพหลังจากรัฐบาลปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม , ค่าไฟ  ,ค่าทางด่วน  , ราคาสินค้าที่แพงขึ้น   และปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมาอีก  เช่นการว่างงาน   ( หลังจากการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน )

การปรับตัวให้มีความสุขในยุคนี้ทำได้ไม่ยาก   โดยกรมสุขภาพจิตยืนยันว่าคนที่มีความสุขจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเข็มแข็ง   มีความยืดหยุ่นมีมุมมองรอบด้านมากขึ้น    ในขณะที่ความทุกข์ทำให้มีมุมมองที่คับแคบและวกวนอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้น    การทำตัวให้มีความสุขทำได้ไม่ยาก   เช่น

1.  การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะทำให้เราไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ  จะสังเกตเห็นว่าคนป่วยมากมายที่เข้าโรงพยาบาลก็เนื่องมาจากสาเหตุไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน

2. ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อน ๆ  บ้างเพื่อพูดคุยหรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันอย่างมีความสุข ( เพราะการอยู่คนเดียวทำให้รู้สึกโดดเดียวและเหงาได้)

3. การมองโลกใน่แง่ดีและการออกกำลังกาย  เป็นตัวเสริมทำให้เกิดผลดีต่อจิตใจและสุขภาพอย่างแน่นอน

ที่มา :   คอลัมน์ ประทีปส่องใจ โดย คนสมถะ   นสพ. ไทยรัฐ  ฉบับ วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน   2556  หน้า 10

โรคขี้เกียจออกกำลังกาย

โรคขี้เกียจออกกำลังกาย

โรคขี้เกียจออกกำลังกาย ปัญหาก็คือไม่มีเวลา ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จะไปที่ไหนหาข้ออ้างสารพัดที่จะไม่ทำ แล้วทำอย่างไรถึงจะมีแรงจูงใจในการออกกำลังกาย เหตุผลง่ายๆ คือ

หาสไตล์ของตัวเอง การออกกำลังกายมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ว่ายน้ำ ฟิตเนส เต้นรำ เพียงแค่คุณหากิจกรรม การออกกำลังกายที่ชื่นชอบและเหมาะกับตัวเอง ก็สามารถช่วยกระตุ้นการลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวร่างกายคุณได้แล้ว

สร้างแรงจูงใจ อาจจะชวนเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาร่วมออกกำลังกายด้วยกัน จะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจมากขึ้นในการไปออกกำลังกาย เพราะมีคนคอยช่วยกันผลักดัน และยังช่วยให้รู้สึกว่าการออกกำลังกายไม่น่าเบื่ออีกด้วย

หาผู้ช่วย บางทีคุณก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน หรือตรงกับความต้องการหรือไม่ อาจจะต้องหาที่ปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นเทรนเนอร์ตามสถานที่ออกกำลังกายต่างๆ เพื่อให้แนะนำวิธีออกกำลังกายให้เป็นไปตามเป้าหมายรวมถึงช่วยกระตุ้นให้คุณไม่ขี้เกียจ

ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ความขี้เกียจมาจากความรู้สึกของการที่ต้องทำเพิ่ม แต่ถ้าหากิจกรรมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ เช่น  ชวนครอบครัวมาปั่นจักรยานหรือไม่ก็วิ่งพร้อมกัน จะทำให้เป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่แค่คุณคนเดียว แต่เป็นสิ่งที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง และตั้งตารอการทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลงมือทำ

ตั้งเป้าไม่สูงเกิน ควรตั้งเป้าหมายแบบเป็นจริงและไม่ไกลเกินไป อาจเริ่มตั้งเป้าว่าในหนึ่งอาทิตย์จะออกกำลังกายสัก 3 วัน หากคุณทำได้มากกว่านั้นก็ถือเป็นโบนัส แล้ว จะทำให้รู้สึกดีที่ทำได้เกินกว่าที่ตั้งใจ

บันทึกความเปลี่ยนแปลง จดบันทึกการออกกำลังกายให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี อย่างเช่น สุขภาพที่ดีขึ้น หุ่นที่เริ่มกระชับ น้ำหนักที่หายไป ฯลฯ ล้วนช่วยเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้อย่างดีว่าเราทำได้

แค่ปรับเปลี่ยนการออกกำลังกายให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบของคุณ เพียงเท่านี้ความขี้เกียจก็กระเด็นออกจากชีวิตคุณ กลายเป็นความสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ออกกำลังกาย

สุดท้ายผลที่ได้รับในการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คุณและคนในครอบครัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอีกด้วย

  แหล่งที่มา: http://women.sanook.com/16237/

สาเหตุของความดันโลหิตสูง

สาเหตุของความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูงมีอยู่ 2 ชนิดได้แก่
โรคความดันโลหิตที่ไม่ทราบสาเหตุ Primary hypertension
หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า essential hypertension เป็นความดันโลหิตสูงที่พบมากที่สุด กลุ่มนี้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดมักจะมีสาเหตุหลายองค์ประกอบรวมกัน พบว่าผู้ป่วยร้อยละ 95 เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มนี้ แต่มักจะพบว่าผู้ป่วยกลุ่มความดันโลหิตสูงนี้มีความสัมพันธ์กับปัจจัยดังต่อไปนี้
1. การรับประทานอาหารเค็มซึ่งจากการศึกษาพบว่าการรับประทาน อาหารเค็ม จะมีส่วนทำให้เกิดความดันโลหิตสูง แนะนำว่าคนปรกติไม่ควรที่จะรับประทานเกลือเกิน 3.8 กรัมต่อวัน
2. กรรมพันธุ์ เชื่อว่าพันธุกรรมจะมีผลต่อระบบฮอร์โมนทำให้มีการหลั่งสารเคมีมากไป Renin angiotensin มากทำให้ความดันโลหิตสูง
3. ความผิดปรกติของหลอดเลือดเนื่องมาจากโรคอ้วน อายุมาก เชื้อชาติ และการขาดการออกกำลังกาย

โรคความดันโลหิตที่ทราบสาเหตุ Secondary hypertension
เป็นความดันโลหิตสูงที่ทราบสาเหตุ พบได้ประมาณร้อยละ 5 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงสาเหตุที่พบได้บ่อยคือ
1. โรคไต ผู้ป่วยที่มีหลอดแดงที่ไปเลี้ยงไตตีบทั้งสองข้างมักจะมีความดันโลหิตสูง
2. เนื้องอกที่ต่อมหมวกไตพบได้สองชนิดคือชนิดที่สร้างฮอร์โมน hormone aldosterone ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีความดันโลหิตสูงร่วมกับเกลือแร่โปแตสเซียมในเลือดต่ำ อีกชนิดหนึ่งได้แก่เนื้องอกที่สร้างฮอร์โมน catecholamines เรียกว่าโรค Pheochromocytoma ผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตสูงร่วมกับใจสั่น
3. โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ Coarctation of the aorta พบได้น้อยเกิดจากหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบบางส่วนทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
4. ยาคุมกำเนิด
5. ยาโคเคน ยาบ้า

อ้างอิง: http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/heart_disease/Hypertension/cause.html#.Vl-qiNIrLcs

กระเทียมสมุนไพรมหัศจรรย์

กระเทียมสมุนไพรมหัศจรรย์

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ระบุว่า กระเทียม (garlic) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum Linn. แทบทุกครัวเรือนรู้วิธีการเจียวกระเทียมในน้ำมันให้หอมก่อน แล้วจึงใส่เนื้อสัตว์หรือผัก เป็นวิธีดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์และเพิ่มรสชาติให้กับอาหารประเภทผัดชนิดต่างๆ ได้อย่างดี ทั้งยังใช้กระเทียมเจียวโรยหน้าอาหารอีกหลายอย่าง หรือใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในเครื่องแกงชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเป็นตัวช่วยแต่งกลิ่นและรสร่วมกับมะนาวในน้ำพริกกะปิ แม้แต่พริกน้ำปลาหรือน้ำจิ้มรสแซบก็จะลืมกระเทียมไปไม่ได้ นอกจากนี้ใบและหัวกระเทียมสดๆ ยังเป็นผัก รวมถึงกระเทียมดองของอร่อย

กระเทียมยังเป็นสมุนไพรแก้ไขบรรเทาปัญหาสุขภาพของชาวบ้านมาโดยตลอด หมอพื้นบ้านไทยใช้กระเทียมสดรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน โรคบิด ป่วง แก้ไอ และกระจายโลหิต กระทั่งเป็นที่สรุปได้ว่า กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่น 2 ประการ คือ ใช้ทารักษาโรคผิวหนัง และรับประทานแก้โรคความดันโลหิตสูง

Continue reading กระเทียมสมุนไพรมหัศจรรย์

แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อด้วย Low FODMAPs

อาการอึดอัดแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ล้วนเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต สาเหตุเพราะร่างกายแต่ละคน มีประสิทธิภาพในการย่อยแป้งและน้ำตาลต่างกัน อาหารส่วนใหญ่ที่รับประทานอาจเป็นกลุ่มที่ส่งเสริมให้แบคทีเรียในลำไส้มีปริมาณมากขึ้น เรียกว่า FODMAPs กลุ่มอาหารดังกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง เรามีมาบอกค่ะ เพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงและจำกัดปริมาณการกินอย่างเหมาะสม มีสุขภาพที่ดี

กลุ่มอาหาร FODMAPs

1. ฟรุกโตส (Fructose) เป็นน้ำตาลที่มีมากในผลไม้ น้ำผึ้ง น้ำตาลข้าวโพดชนิเข้มข้น
2. แลคโตส (Lactose) คือน้ำตาลจากนม พบมากในนมสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม เช่น โยเกิร์ต ไอศกรีม นมเปรี้ยว
3. ฟรุกแตน (Fructans) ได้แก่ แป้งสาลี กระเทียม หอมใหญ่ แก่นตะวัน
4. กาแลคแตน (Galactans) ใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ มีมากในถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ชิคพี ถั่วแดง ถั่วเหลือง
5. โพลีออลส์ (Polyols) สารทดแทนความหวานประเภทน้ำตาลแอลกอฮอล์ นิยมใช้ในอุตสาหกรรม เช่น หมากฝรั่ง ลูกอม ลูกกวาด ไอศครีม ช็อกโกแลตชนิดลดความหวาน
6. ผลไม้เปลือกแข็ง เช่น อาโวคาโด แอบปริคอต ลูกพีช ลูกพลัม

ดังนั้น เพื่อให้การทำงานของระบบลำไส้มีสุขภาพที่ดี จึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค หลีกเลี่ยงหรือจำกัดอาหารประเภท FODMAPs เลือกรับประทานเฉพาะอาหารที่เป็นมิตรต่อลำไส้ หรือ Low FODMAPs เพื่อลดปริมาณแบคทีเรียส่วนเกิน โดยรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6-8 สัปดาห์ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ควรเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการกันนะคะ

ที่มา : healthtoday no.173 September 2015