ป้องกันรังแค ทำได้ด้วยตนเอง

การเกาศีรษะบ่อยๆ ย่อมส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพของเรา ต่อผู้พบเห็น  สาเหตุหนึ่งของการคันศีรษะเกิดจาก รังแค นั่นเอง แล้วรังแค เกิดเนื่องมาจากอะไร เราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ในสื่อต่างๆ ก็ยังจะเห็นการโฆษณาชวนเชื่อให้ใช้แชมพู ตัวนั้น ตัวนี้ เพื่อป้องกันการเกิดรังแค โดยเฉพาะถ้ายิ่งสวมเสื้อผ้าสีเข้ม ด้วยแล้ว รังแคที่หล่นมาจะยิ่งสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

จากบทความของ รองศาสตราจารย์ ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล จากภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง “คันหัว… รังแค… แก้กันอย่างไร”  ได้กล่าวถึงสาเหตุการเกิดรังแคไว้ดังนี้ “หนังศีรษะประกอบไปด้วยเซลผิวหนังปกติซึ่งจะมีการผลัดเปลี่ยนเซลผิวใหม่ทุกๆ 28 วันเช่นเดียวกับผิวหนังตามลำตัวทั่วร่างกาย เซลเก่าที่ตายแล้วจะถูกผลัดออกไป แต่ถ้าผิวหนังแห้งและใช้ชีวิตประจำวันในห้องปรับอากาศที่เย็นและมีความชื้นต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนังศีรษะได้รับเคมีรุนแรงเป็นประจำ เช่น น้ำยาดัดผม น้ำยาโกรกสีผม แชมพูแรงๆ สเปรย์ฉีดผม รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆบนเส้นผมและหนังศีรษะ หนังศีรษะจะถูกกระทบมากทำให้แห้งและทำให้มีการเร่งผลัดเซลผิวในอัตราเร็วกว่าปกติ เซลตายแล้วที่ถูกผลัดออกจะสะสมเป็นกลุ่มก้อนหนาๆ สังเกตุได้เวลาหวีผมหรือเกา จะหลุดออกเป็นเกร็ดขาวๆซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า “รังแค” นั่นเอง อาการคันศีรษะมักจะตามมาเนื่องจากการสะสมของรังแคเหล่านี้”


สาเหตุหนึ่งของการเกิดรังแค คือ มีเชื้อราที่หนังศีรษะ หรือเกิดจาก ผิวหนังแห้ง ผิวหนังมันเกินไป การสระผมด้วยแชมพูบ่อยเกินไป การสระผมด้วยแชมพูน้อยเกินไป รวมทั้้งอาจเกิดจากภาวะโภชนาการไม่ดี ความเครียด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งทรงผมมากเกินไป

ดังนั้น เราอาจจะแก้ไขการเกิดรังแคได้โดย
1. การสระผมที่มีส่วนผสมของแชมพูที่มีความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอร์
2. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงศีรษะ
3. การใช้แชมพูขจัดรังแค
4. การสระผมอย่างถูกวิธี ไม่เกา เพื่อไม่รบกวนหนังศีรษะ
5. การลดการใช้น้ำอุ่นสระผม เพราะจะทำให้น้ำมันธรรมชาติถูกชะออกไป ทำให้หนังศีรษะลดความชุ่มชื้นลง
6. การใช้แชมพูผสมสารต้านเชื้อรา

รายการอ้างอิง
พิมลพรรณ พิทยานุกุล. คันหัว… รังแค… แก้กันอย่างไร. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 จาก http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/121/คันหัว-เป็นรังแค-แก้คันหัวอย่างไร/

เคล็ดลับการขจัดรังแค. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 จาก http://www.neutron.rmutphysics.com/science-news/index.php?option=com_content&task=view&id=1466&Itemid=4