โรคเกาต์

โรคเกาต์เป็นโรคปวดข้อ ปวดกระดูก ให้งด พวกเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ตับอ่อน หัวใจ ไส้ สมอง เซ่งจี้ กะปิ ปลาซาร์ดีน, ปลาซาร์ดีนกระป๋อง ไข่ปลา น้ำซุบสกัดจากเนื้อสัตว์, น้ำเคี่ยวเนื้อ (Meat extracts) น้ำเกรวี (Gravies) โดยอาหารที่ “ต้องงดและเลี่ยง ได้แก่ เนื้อสัตว์ปีก (เป็ด, ไก่, ห่าน) หัวใจไก่ ตับไก่ กึ๋นไก่ หอย เซ่งจี้หมู ตับหมู ตับอ่อน น้ำต้มกระดูก มันสมองวัว ปลาดุก ยีสต์ ซุปก้อน น้ำซุปต่างๆ ปลาขนาดเล็ก ไข่ปลา กุ้งชีแฮ้ ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง เห็ด กระถิน ชะอม ปลาอินทรี กะปิ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง และควรลดการกินอาหารที่มีไขมันสูง พวกของทอด หรือเนื้อติดมัน เนื้อหมู เนื้อวัว ปลากะพงแดง ปลาหมึก ปู ถั่วลิสง ใบขี้เหล็ก สะตอ ข้าวโอ๊ต ผักโขม เมล็ดถั่วลันเตา หน่อไม้ ยอดผักอ่อนทั้งหลาย ที่สำคัญ…เลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด

ผู้หญิงจะไม่เป็นโรคเกาต์ จนกว่าประจำเดือนจะหมด
สำหรับผู้หญิงจะต่างกับผู้ชาย ผู้หญิงจะเป็นโรคเกาต์ในวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว เพราะช่วงที่มีประจำเดือนอยู่นั้นจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งจะช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกาย ดังนั้นผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือนจะไม่เป็นโรคเกาต์ แต่พอหลังประจำเดือนหมดไปประมาณ 5-10 ปี ก็จะเริ่มมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้

ผู้ที่มีกรดยูริกสูงเป็นระยะเวลานานโดยไม่รู้ตัว หรือ มีกรรมพันธุ์เป็นโรคนี้ บวกกับมีพฤติกรรมชอบกินอาหารที่มีสารพิวรีน (purine) สูงเป็นประจำ ซึ่งสารพิวรีน เป็นสารตั้งต้นที่ก่อให้เกิดกรดยูริก โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น คนที่เป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกินมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้

โรคเกาต์สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการกินยาเพื่อควบคุมระดับกรดยูริกไม่ให้สูง แต่ผู้ป่วยต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอ ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี เป็นอย่างน้อย และปรับพฤติกรรมการกิน แต่ถ้าหายขาดแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารเหมือนเดิมก็จะกลับไปเป็นอีกได้

ห้ามใช้วิธีนวด เพื่อบรรเทาอาการปวด
ถ้ามีอาการปวดห้ามบีบนวดเด็ดขาด เพราะการบีบนวดจะทำให้กรดยูริกวิ่งเข้ามาในข้อเยอะมากขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น แต่ควรจะพักการใช้งานของข้อ ให้นอนพักและประคบเย็นเท่านั้นก็เพียงพอ โดยใช้น้ำแข็งประคบเมื่อมีอาการปวดตามข้อเพื่อลดอาการปวด และถ้าปวดที่เท้าให้ยกเท้าสูง เพื่อช่วยลดการอาการบวม

โรคเกาต์สามารถพบได้ตั้งแต่เด็ก แต่ส่วนใหญ่จะพบในเพศชายอายุ 30-40 ปีขึ้นไป เพราะโรคเกาต์จะต้องใช้เวลาในการสะสมกรดยูริกนานเป็น 10 ปี กว่าจะแสดงอาการ และสาเหตุที่ผู้ชายเป็นโรคเกาต์มากกว่าผู้หญิงถึง 10 เท่า เพราะผู้ชายดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าผู้หญิง

อันตรายของโรคเกาต์
ไม่ถึงกับเป็นอัมพาตแต่เปรียบเสมือนเป็นอัมพาต เพราะปวดข้อมากตลอดเวลา ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด เดินไม่ได้ เดินไม่ไหว ในบางรายอาจจะมีอาการไตวายด้วย เพราะมีการสะสมของกรดยูริกที่ไต หรือการที่ผู้ป่วยปวดข้อมากๆ แล้วซื้อยาแก้ปวดมาทานเอง การทานยาแก้ปวดนานๆ ในการรักษาการปวดข้อโดยไม่ขจัดต้นตอของโรค ก็จะทำให้ไตวายได้

ขอบคุณเพื่อนทาง facebook ในนาม ลุงหมอ ส่งมาให้เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านจึงนำมาเผยแพร่ต่อค่ะ