Koha โปรแกรมเปิดเผยรหัสสำหรับห้องสมุด เป็น 1 ใน 9 นิทรรศการที่นำเสนอในวันเปิดอาคารศูนย์การเรียนรู้กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 12 มกราคม 2558
Koha เป็นซอฟต์แวร์เปิดเผยรหัสสำหรับการจัดการทรัพยากรในห้องสมุด หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปในวงการห้องสมุดว่า ระบบห้องสมุดอัตโนมัติแบบบูรณาการ (Integrated Library Systems : ILS) Koha ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยความร่วมมือของกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์และบรรณารักษ์ทั่วโลก ทำให้ Koha กลายเป็นซอฟต์แวร์ที่มีฟังก์ชันงานต่างๆ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์บนพื้นฐานความต้องการที่แท้จริงของบรรณารักษ์ นอกจากนี้ การพัฒนาระบบด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ โดยกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้ Koha เป็นซอฟต์แวร์ห้องสมุดที่มีความทันสมัย ใช้งานง่ายและคงทน
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นห้องสมุดขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทยที่นำซอฟต์แวร์ Koha มาใช้แทนที่ระบบห้องสมุดเดิมซึ่งเป็นระบบห้องสมุดเชิงพาณิชย์จากต่างประเทศ (Commercial Software) ด้วยความเชื่อมั่นในความครบถ้วนสมบูรณ์ของฟังก์ชันการทำงาน ความได้เปรียบของซอฟต์แวร์เปิดเผยรหัสที่ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาและปรับแต่งระบบเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองตามความต้องการ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของซอฟต์แวร์ และการรวมกลุ่มของผู้ใช้งานระบบเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่สามารถให้ช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันได้อย่างไม่จำกัดเวลาและสถานที่
นอกจากการนำไปประยุกต์ใช้งานกับหน่วยงานการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในลักษณะของระบบเดี่ยว หรือ Stand alone แล้ว จุดเด่นของ Koha คือ ความสามารถในการรองรับห้องสมุดสาขาที่ทำงานร่วมกันในลักษณะของเครือข่ายหรือ Consortium ดังเช่น สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งมีห้องสมุดจำนวนทั้งสิ้น 11 สาขา การประยุกต์ใช้ระบบในลักษณะนี้ทำให้ห้องสมุดที่มีมากกว่าหนึ่งสาขาและต้องการใช้งานทรัพยากรร่วมกัน สามารถใช้งานฐานข้อมูลร่วมกันเพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลและสามารถแลกเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆ ระหว่างห้องสมุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนำซอฟต์แวร์เปิดเผยรหัสมาใช้งานในประเทศไทย นอกจากจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายในส่วนของลิขสิทธิ์แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ พร้อมทั้งการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ในกลุ่มบรรณารักษ์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และนักพัฒนาระบบทั้งในระดับประเทศและระดับสากล นอกจากนี้ ประเทศไทยยังสามารถนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ ไปบอกเล่าและแบ่งปันแก่ห้องสมุดในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาร่วมกันที่ยั่งยืนและยาวนาน