คุณเรณู นิลดี หรือ “พี่ณู” บรรจุเข้ารับราชการเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2524 ในตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานบริหาร แรกเริ่มเลยอยู่งานซ่อมหนังสือ ฝ่ายจัดหาฯ ก่อนที่จะมาทำหน้าที่ในปัจจุบัน คือ งานเกี่ยวกับหนังสือบริจาค Continue reading หลักคิดของผู้เกษียณ : เพื่อนร่วมงานที่ดี ทำให้ทำงานอย่างมีความสุข
Tag Archives: การดำเนินชีวิต
คิดเปลี่ยน ชีวิต….เปลี่ยน
คิดเปลี่ยน ชีวิต….เปลี่ยน
ทุกคนสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเองว่า… “ สุขหรือทุก ”
ชีวิตที่เปลี่ยน .. เกิดจากการกระทำที่เปลี่ยน การกระทำที่เปลี่ยน เกิดจากความคิดที่เปลี่ยน และความคิดที่เปลี่ยน ก็เกิดจากความเชื่อที่เปลี่ยน! ถ้าเราเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็จะเปลี่ยน Continue reading คิดเปลี่ยน ชีวิต….เปลี่ยน
การตั้งชื่อจากประสบการณ์ตรง
การตั้งชื่อก็เป็นสิ่งสำคัญกับคนทุกคน เพื่อจะได้บอกคุณลักษณะของคนนั้นหรือความเป็นเอกลักษณ์ เช่น เจ้าจุก เพราะไว้ผมจุกตั้งแต่เด็ก มีบางครอบครัว นำชื่อพ่อกับแม่มารวมกันก็จะได้ชื่อลูกที่คล้องกับพ่อและแม่ หรือคนในครอบครัว แต่ปัจจุบันผู้เป็นพ่อเป็นแม่จะเตรียมชื่อไว้ให้ลูกเลย เพราะสามารถทราบเพศลูก และสามารถกำหนดวันวันคลอดที่แน่ชัดได้ จึงไม่มีปัญหาที่จะตั้งชื่อลูกไว้ก่อน การหาชื่อมาตั้งให้ลูกจะได้มาจากแหล่งข้อมูลมากมายดังเช่น ในอินเตอร์เน็ต หรือหาจากหนังสือคู่มือการตั้งชื่อ ซึ่งหนังสือเหล่านี้ในหอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เราก็มีบริการให้ในหมวด CS 3050 ค 45 ,CS 3050 ว 63,CS 3050 ส423 ล.2 (หากสนใจเรื่องการตั้งชื่อลองมาหาข้อมูลได้นะค่ะ)
หรือจะหาจากเน็ตก็มีให้เลือกหลายเว็บไซต์ เช่น www.fortanename.com , www.myhora.com , www.astro.meemidel.com Continue reading การตั้งชื่อจากประสบการณ์ตรง
เบอร์โทรอื่นอาจจะไม่ดีเท่าเบอร์เราเป็นได้
การใช้โทรศัพท์ เป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน ยิ่งทุกวันนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในโทรศัพท์ที่เหมือนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สำคัญมากกว่ากระเป๋าเก็บเงินด้วยซ้ำ แต่โทรศัพท์มีประโยชน์มากมาย เช่น โทรเข้าโทรออก พร้อมเป็นกล้องถ่ายรูป อัดคลิป เช็คเมลส่งเมล เล่นเฟส เล่นไลน์และอีกมากมายในการใช้งานของโทรศัพท์และการที่จะมีเบอร์โทรศัพท์นั้นก็ไม่ยากไปซื้อที่ 7-eleven หรือจากเว็บไซต์มีเบอร์โทรศัพท์ขายจากราคาไม่ถึงหลักร้อยแพงไปถึงหลักแสนบาทต่อเบอร์ก็มี
บางคนสงสัยทำไมถึงต้องมีการซื้อเบอร์โทรศัพท์กันด้วย การหาเบอร์โทรศัพท์ซักเบอร์ก็ต้องเลือกเบอร์ที่เหมาะกับเราหรือเลือกเบอร์ที่ดีที่สุด เพราะบ้างคนใช้เบอร์เดียวตลอดการใช้งานจึงมีการลงทุนกับการซื้อเบอร์ซักเบอร์ที่มันจะอยู่กับเราไปอีกนาน แล้วจะเลือกแบบไหนดีขึ้นอยู่ที่ว่าจะการหาเบอร์โทรศัพท์ซักเบอร์ก็ต้องเลือกเบอร์ที่เหมาะกับเราหรือเลือกเบอร์ที่ดีที่สุดเพราะบ้างคนใช้เบอร์เดียวตลอดการใช้งานจึงมีการลงทุนกับการซื้อเบอร์ให้การหาเบอร์โทรศัพท์ซักเบอร์ก็ต้องเลือกเบอร์ที่เหมาะกับเราหรือเลือกเบอร์ที่ดีที่สุด เพราะบ้างคนใช้เบอร์เดียวตลอดการใช้งานจึงมีการลงทุนกับการซื้อเบอร์เบอร์ดีทางด้านไหน ด้านการงาน ด้านค้าขาย ด้านความรัก ด้านมีลางสังหรณ์ และอีกหลายด้าน ด้วยความเชื่อเหล่านี้จึงมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมากมาย ที่สามารถเช็คเบอร์โทรศัพท์ของเราว่าดีหรือไม่ดี ซึ่งถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ริมน้ำยามเช้า…กับลุงโสรัตน์…และ…หนังสือดีที่นำเสนอ
ในยามเช้าของทุกวันนับเป็ภาพที่ชินตาสำหรับริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะได้เห็นลุงโสรัตน์มายืนออกกำลังกายบ้าง อ่านหนังสือบ้าง
และก็เป็นบางครั้งที่ผู้เขียนเองก็ชอบที่จะได้เข้าไปสนทนากับลุงโสเหมือนกัน ลุงโสเล่าว่าเมื่อก่อนตรงริมน้ำที่นั่งเล่นนี้เคยเป็นสนามเทนนิส และฝั่งโรงพยาบาลศิริราชจะมีต้นตาลคู่อยู่ 1 คู่ ต้นลำพูอีกกี่ต้นลุงโสจำไม่ได้ถามว่าทำไมลุงโสถึงชอบมานั่งริมน้ำนี้ทุกวัน ลุงโสบอกว่าตรงนี้อากาศดี
แต่ตอนนี้ที่มานั่งเพราะจะได้เข้าเฝ้าในหลวงทุกวัน ฟังเพราะในหลวงแล้วรู้สึกดีใจจริงๆ ลุงโสบอกว่าจะมานั่งทุกวันจนวันสุดท้ายของเกษียณ มีภาพภาพหนึ่งที่ลุงโสจะชี้ให้ดูอยู่บ่อยๆ คือภาพที่ผู้คนกำลังขึ้นลงเรือข้ามฝากกันอย่างเร่งรีบ ลุงโสจะบอกว่าคนสมัยนี้มีงานทำนับว่าโชคดีที่สุดแล้วไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานที่เรารักหรือไม่รักก็ตาม จากคำพูดของลุงโสทำให้รู้สึกว่าเราเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐานอยู่ที่นี้ Continue reading ริมน้ำยามเช้า…กับลุงโสรัตน์…และ…หนังสือดีที่นำเสนอ
หนังสือ “พันครั้งที่หวั่นไหว กว่าจะเป็นผู้ใหญ่”
คิมรันโด เขียน
อมรรัตน์ ทิราพงษ์ แปล
สำนักพิมพ์ Springbooks
รูปภาพจากสำนักพิมพ์ Springbooks
พันครั้งที่หวั่นไหว กว่าจะเป็นผู้ใหญ่ เป็นอีกหนี่งผลงานของอาจารย์ คิมรันโด อาจารย์ประจำภาควิชาการบริโภค คณะเคหศาสตร์ มหาวิทยาลัยโซล (Seoul National University) ผลงานที่สร้างชื่อให้กับอาจารย์คือ หนังสือ “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเกาหลีและเป็นที่รู้จักระดับหนึ่งในประเทศไทย แต่สำหรับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะเน้นข้อคิดให้กับคนวัยทำงาน ที่ต้องพบกับความยากลำบากหลายอย่าง เปรียบเหมือนต้องผ่านความเจ็บปวดพันครั้งถึงจะก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ เนื้อหามีทั้งหมด 33 บท กล่าวถึงชีวิตการทำงาน ชีวิตครอบครัว ปัญหาส่วนตัวที่อาจทำให้ท้อแท้ สิ้นหวัง ดังนั้นเราจะก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้อย่างไร หนังสือเล่มนี้อาจไม่ได้บอกวิธีแก้ปัญหาให้กับผู้อ่านโดยตรง แต่เหมือนเป็นข้อคิดให้แก่ผู้อ่านที่อาจกำลังท้อแท้ เหนื่อยล้าจากชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ผู้ที่ขาดแรงบันดาลใจในชีวิต หรือคนที่ใช้ชีวิตอย่างประมาท โดยบทความนี้จะขอยกตัวอย่างเนื้อหาบางส่วนในหนังสือขึ้นมากล่าว
Continue reading หนังสือ “พันครั้งที่หวั่นไหว กว่าจะเป็นผู้ใหญ่”
ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อย ให้ได้มาก
ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อย ให้ได้มาก โดย โยะชิโอะ ยะซุดะ แปลโดย โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ เสนอแนวคิดในการ “ทิ้ง” บางอย่าง แม้ว่ามันจะยังคงมีความสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์กลับมาที่ดีกว่า 100 เท่าตัว
ผู้เขียนแบ่งข้อคิดในการทิ้งออกเป็น 4 ตอน ตอนที่ 1 เวลา ตอนที่ 2 เงิน ตอนที่ 3 คน ตอนที่ 4 สามัญสำนึก แต่ละตอนแบ่งเป็นเรื่องย่อยๆ อีกประมาณ 5-10 เรื่อง ที่ชวนให้คิด ชวนให้ทิ้ง
ขอยกตัวอย่าง เรื่องที่ให้ชวนให้ทิ้ง เรื่องเวลา คือ เรื่องขยันไม่ถูกจุด พยายามไม่ถูกทาง ชีวิตก็ย่ำอยู่ที่เดิม แค่เห็นชื่อก็พอจะรู้ว่า ทำงานไม่ถูกทาง เพราะยังมีความคิดเดิมอยู่ว่า ต้องขยันทำงานทุ่มเทเวลา เพื่อจะทำงานให้เร็วขึ้น เพื่อให้ได้งานมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ความขยัน หรือความพยายามไม่ใช่เรื่องดี แต่ควรต้องทิ้งวิธีการทำงานที่เหมือนกับคนอื่น แล้วหันมาคิดหาวิธีใหม่ๆ ที่จะสร้างผลงานให้ได้มากกว่าเดิม เพราะมัวแต่ทุ่มเทเวลา จนไม่มีเวลามาพิจารณากระบวนการงานทำงานที่ให้แตกต่างจากคนอื่น และเพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าคนอื่น
แค่เรื่องแรกก็รู้สึกโดน (ใจ) ยังมีอีกหลายเรื่องหลายตอน น่าติดตามอ่านค่ะ ในเมื่อสิ่งที่เก็บไว้มากมายไม่พาคุณไปถึงไหน จะดีกว่าไหมถ้าลองทิ้งไปสัก 1 อย่าง เพื่อแลกกับชีวิตที่ดีขึ้นเป็น 100 เท่า! (ข้อความจากปกหลัง)
รายการอ้างอิง
โยะชิโอะ ยะซุดะ. ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อย ให้ได้มาก แปลโดย โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์. กรุงเทพฯ : วีเลิร์น, 2558.
แนะนำหนังสือน่าอ่าน “น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20”
ขอแนะนำหนังสือ เรื่อง น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 (What I Wish I Knew When I Was 20) ผลงานของทีนา ซีลิก (Tina Seelig) เมื่ออ่านแล้ว จะให้ข้อคิด 4 ข้อ
- เป็นหนังสือสำหรับผู้ที่อยู่ในวัย 20 ควรอ่านอย่างยิ่ง จะเต็มไปด้วยข้อมูลและแนวคิดที่จะปลดปล่อยให้มี อิสระและใช้ชีวิตหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยได้อย่างมีทิศทางและไร้กรอบครอบบังคับ
- หนังสือได้ “รวมมิตร” หลักการใช้ชีวิต, หลักการทำงาน, หลักความสำเร็จไว้อย่างน่าสนใจถ้าผู้อ่านฯแล้วเข้าใจ ก็จะเห็นเองว่าทางไปสู่ความสำเร็จมันมีมากกว่า 1 เส้นทางและในทุกเส้นทางมันจะมีอุปสรรคและปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา”บางครั้งปัญหาก็โผล่มา เพื่อพิสูจน์ว่าเรานั้นมีคุณค่าคู่ควรกับความสเร็จที่ตั้ง ณ ปลายทาง
- หนังสือยังพูดถึงวิธีคิดต่างให้สนุกๆ การเก็บตกแนวทางที่ถูกคนแปะป้ายว่า “มันคือวิธีที่ล้มเหลว” ความคิดจะเปลี่ยนไป
- มีบทที่บอกให้ตระหนักว่า “การแข่งขันตอนเรียน” กับ “การแข่งขันในสนามชีวิต” มันคนละเรื่องกันเลย เพราะตอนเรียนเราอาจต้องพยายามแข่งกันทำเกรด แข่งกันเป็นที่ 1 ฯลฯ ในขณะที่ชีวิตจริงนั้น ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มาจากการร่วมมือ การแชร์ การแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้ผู้อื่น
หนังสือเล่มนี้ยังเหมาะกับวัยอื่นๆ ซึ่งจะพบแนวคิดดีๆ ที่สามารถมา ปรับในการใช้ชิวิตและในการทำงาน
รายการอ้างอิง
หนังสือ “น่าจะรู้อย่างนี้ ตั้งแต่ตอนอายุ 20″. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 จาก http://iyom-bookviews.com/หมวดจิตวิทยา/น่าจะรู้อย่างนี้-ตั้งแต่.html
มือถือปัจจัยที่ 5
ใครไม่มีมือถือ ยกมือขึ้น
ตั้งแต่อายุ 5-50 ปี มีทุกคน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ การสื่อสารเดี๋ยวนี้ง่ายดายแค่ใช้นิ้วกดลงมือถือโทรศัพท์คุยกันรู้เรื่องทุกอย่าง
คุณสมบัติในมือถือมีทั้งกล้องถ่ายรูป วีดีโอถ่ายได้ เล่นไลน์ ฯลฯ มีรุ่น ยี่ห้อ มีรูปร่างของโทรศัพท์มือถือที่สวยงามเล็กกะทัดรัด มีเพลงรอสาย ความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เหลือเชื่อว่ายุคนี้จะมีการสื่อสารที่รวดเร็วได้ขนาดนี้ คุยได้ข้ามประเทศไหนๆ ก็ได้
ราคาของโทรศัพท์มือถือราคาถูกก็มี แพงๆ ก็มี เลือกได้ตามฐานะของตัวเอง การสื่อสารยังไม่หยุดมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ เดี่ยวนี้ไม่ต้องไปดูหนัง หรือละครตามโรงภาพยนตร์หรือสถานที่ต่างๆ แค่คลิกดูในมือถือก็ดูได้สบายๆ เล่นไลน์ก็เพลิดเพลินทุกรุ่นทุกวัยกลายเป็นสังคมก้มหน้า ไม่ได้คุยกันไม่มองหน้ากันแล้ว ได้แต่ก้มหน้าดูในจอขนาดเล็กไม่กี่นิ้วมือ ขาดความสัมพันธ์ทางครอบครัวและเพื่อนฝูง มือถือมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
สุข
ทำแล้วมีความสุข คือยิ้มอันดับแรก ยิ้มกับคนใกล้ชิดที่บ้านของเราเอง หรือที่ทำงาน
สุขคำเดียวอยู่ที่ใจ ให้ใจเป็นสุขก็สุขได้ ไม่ว่าจะรวยหรือจน เราก็มีความสุขได้
สุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดสิ่งที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็น สัตว์เลี้ยง หมา แมว นก ฯลฯ ก็ทำให้เราสุขได้พูดคุยกับคนใกล้ตัวให้มีความสุข เพราะคนที่มีความสุขจะรู้สึกว่าชีวิตอยู่ในกำมือตัวเอง
สุขมีหลายอย่าง เช่น สุขภาพจิตดี ร่างกายแข็งแรง มีความรู้ดี ฐานะมั่นคง แต่ขาดไม่ได้คือสุขาอยู่หนใด
ใจเป็นสุขอยู่ที่ไหนก็เป็นสุข ใครบ้างไม่อยากมีความสุข ไม่มีใครที่จะยกมือคัดค้านทำตัวให้มีความสุขดีกว่า
สุขที่แท้จริง คือ จิตที่ฝึกมาดีแล้ว จะมีแต่ความสุขสงบไม่ต้องดิ้นรนแม้นถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ยังยิ้มได้มีความสุข