All posts by นางสาวละเอียด จันทร์สว่าง

งานราชการกับค่านิยมการทำงานของคนรุ่นใหม่

งานราชการ กับค่านิยมการทำงานของคนรุ่นใหม่

 ข้าราชการ นับเป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้รับความนิยมและอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งในอดีตการปฏิบัติงานของข้าราชการเป็นไปในลักษณะที่รับใช้พระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าแผ่นดิน คือเป็น “ข้าของ แผ่นดิน” จึงนับเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีผู้คนนับหน้าถือตา ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า “สิบพ่อค้าเลี้ยงไม่เท่าหนึ่งพญาเลี้ยง”หากแต่ในปัจจุบัน ค่านิยมดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ด้วยสังคมโลกที่เปิดกว้าง ทำให้ค่านิยมในการทำงานของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไป มองหาความก้าวหน้า ความท้าทาย และตัวเลขของรายได้เป็นสำคัญ ต่างกับงานราชการที่ยังติดภาพลักษณ์ล้าสมัย เช้าชามเย็นชาม เชื่องช้า และรายได้ต่ำ แม้จะมีสวัสดิการที่ดี แต่นั่นอาจไม่มีเสน่ห์เพียงพอที่จะดึงดูดบุคคลผู้มีความรู้ ความสามารถ มาทำหน้าที่ข้าราชการได้ ดังจะเห็นได้จากเหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่มาสมัครงานราชการว่าเป็นเพียงตำแหน่งงานที่ว่า “มั่นคง” มากกว่า “ศรัทธา” และ “รัก” ที่จะทำดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงควรเร่งเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของข้าราชการ ให้ดูมีความทันสมัย เป็นอาชีพที่มีเกียรติในฐานะบุคลากรที่มีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ตลอดจนชี้ให้เห็นถึงข้อดีในการรับราชการ  ที่มีนอกเหนือกว่าสวัสดิการ เช่น การได้รับทุนจากภาครัฐ เพื่อพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความมั่นคงในระยะยาว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แม้จะเพิ่มอัตราการแข่งขัน แต่เราจะได้คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ มาเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการที่มีคุณภาพได้ต่อไป

เขียนโดย น.ศ.ฝึกเขียน  จาก  www.bejame.com

คุณประโยชน์ผลไม้ลางลาด

      คุณประโยชน์ ผลไม้ลางสาด

ลางสาดเป็นผลไม้ มีถิ่นกำเนิดที่หมู่เกาะมาลายู หมู่เกาะชวา อินโดนีเซีย ประเทศไทยๆปลูกทีจังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งเป็นแหล่งปลูกลางสาดหวานที่มากที่สุด ผลผลิตจะออกมาในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนของทุกปี

 คุณประโยชน์

  1. โดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้รับประทานเป็นผลไม้สด ให้รสหวานอร่อย อีกทั้งยังมีคุณค่าทางอาหาร โดยเนื้อลางสาดจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร โปรตีน ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส วิตามินบี1 วิตามินบี2 และวิตามินซี
  2. เมล็ดของลางสาดมีสารอัลคาลอยด์ (Acid Alkaloid) ซึ่งเป็นพิษกับหนอนและแมลง สามารถนำใช้ทำเป็นยาฉีดพ่นกำจัดแมลงได้ โดยใช้เมล็ดลางสาดจำนวนครึ่งกิโลกรัม นำมาบดให้ละเอียด ใช้ผสมกับน้ำประมาณ 20 ลิตร แล้วแช่ทิ้งไว้ 1 วัน หลังจากนั้นนำมากรองเอาแต่น้ำแล้วนำมาใช้ฉีดพ่นตามแปลงผักเปลือกผลแห้ง เมื่อนำมาเผาจะมีกลิ่นเหม็นสามารถนำมาใช่ไล่ยุงได้

 

 

จาก www.manager.co.th

ต้นไม้ปลูกไล่ยุง

        ต้นไม้ปลูกไล่ยุง

        ระยะนี้จะมียุงจำนวนมากซึ่งจะเป็นพาหะนำโรคต่างๆ เช่นยุงลาย     เป็นพาหะโรคไข้เลือดออกจึงขอแนะนำ ต้นไม้ที่ปลูกไว้สำหรับไล่ยุง

  1. ตะไคร้หอม เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมาณ 1 เมตร มีใบเล็กเรียวยาว เป็นพืชที่ปลูกง่าย นำเหง้ามาฝังดิน หรือปลูกในกระถาง

2.โหระพา เป็นพืชยืนต้นสูงประมาณ 1 เมตร ใบมีสีเขียวปลูกโดยการปักชำ หรือนำก้านโหระพาเป็นก้านที่แก่ นำมาปักในกระถาง นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประกอบอาหารก็ได้

3. สะระแหน่ เป็นสมุนไพรให้กลิ่นหอม เป็นต้นไม้ยืนต้นที่โตเต็มที่ได้ถึง 1 เมตร ครึ่งปลูกโดยวิธีปักชำ

4.มะกรูด เป็นพืชยืนต้นที่มีหนามแหลม ต้นสูงประมาณ 12 เมตร วิธีปลูกใช้เมล็ดจากลูกมะกรูด

5. กระเทียม เป็นพืชล้มลุกสูงประมาณ30 – 60 เซนติเมตร ใน 1 หัว จะมีกระเทียมอยู่ประมาณ 10 กลีบ

จาก : กระปุกดอดคอม

ซอสพริกศรีราชา : เครื่องหมายการค้าหรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์?

“ซอสพริกศรีราชา”  เป็นซอสพริกชนิดหนึ่ง ตั้งชื่อตามอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเดิมเป็นแหล่งปลูกพริกชนิดหนึ่งที่มีรสชาติค่อนข้างเผ็ด ซึ่งเมื่อนำมาผลิตเป็นซอสพริกแล้วจะมีสีส้มแดง มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และผู้บริโภคนิยมใช้รับประทานคู่กับอาหารนานาชนิด  เช่น ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ไข่เจียว และของทอดต่าง ๆ

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ “Sriracha Sauce”    (ซอสศรีราชา) ของผู้ประกอบการในต่างประเทศก็เป็นไปแนวทางเดียวกับประเทศไทย เช่น ในสหรัฐอเมริกา แม้จะมีผู้ประกอบการชาวเวียดนาม  บริษัท Huy Fong Food ใช้คำว่า “Sriracha Sauce” (ซอสศรีราชา)  ไปจดทะเบียนกับสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา (USPTO) โดยเครื่องหมายการค้าของบริษัท Huy Fong Food มีสาระสำคัญเป็นรูปไก่ ชื่อภาษาอังกฤษและภาษาจีนของบริษัท Huy Fong Food และมีคำอธิบายสินค้าภาษาอังกฤษ “Sriracha hot chill sauce” แต่ผู้ขอจดทะเบียนฯ ไม่อาจถือสิทธิการใช้ คำว่า “Sriraacha” (ศรีราชา) เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายจึงสามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยมีคำว่า Sriracha Sauce” (ซอสศรีราชา) ประกอบอยู่ในเครื่องหมายค้าได้

มาตรา ๗ วรรคสอง (๒) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไม่อนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใดจดทะเบียนและถือเป็นสิทธิของตนแต่เพียงผู้เดียว ในชื่อภูมิศาสตร์ เช่น คำว่า “ศรีราชา” ซึ่งเป็นชื่ออำเภอในจังหวัดชลบุรี ได้ แต่ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตอาจใช้คำว่า “ศรีราชา” เป็นชื่อหรือคำบรรยายของชนิดหรือที่มาของสินค้าได้ เช่น “ซอสพริกศรีราชาตราหัวกวาง” และมาตรา ๓ ของพระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้กำหนดให้ “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” หมายถึง ชื่อหรือสัญลักษณ์ที่บอกแหล่งผลิตของสินค้าที่สามารถสื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพ หรือมีคุณลักษณะพิเศษแตกต่างจากสินค้าที่ผลิตในแหล่งผลิตอื่น ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการที่อยู่ในแหล่งภูมิศาสตร์ดังกล่าว จะมีสิทธิใช้ชื่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์นั้นกับสินค้าที่ขึ้นทะเบียนไว้ได้ ตัวอย่างสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของไทย เช่น มะขามหวานเพชรบูรณ์ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ส้มโอนครชัยศรี  ไข่เค็มไชยา และหมูย่างเมืองตรัง เป็นต้น

รายการอ้างอิง

รัชวรรณ จินดาวัฒน์, และจุฑาทิพย์ วุฒิภารัมย์.  “คุยเฟื่องเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา.” วารสารทรัพย์สินทางปัญญา 11, ฉ. 1 (มกราคม-มีนาคม  2558): 24-25.  

รับประทานข้าวกล้องดีอย่างไร

ปัจจุบัน คนไทยหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น อย่างการรับประทานข้าว แต่ก่อนมารับประทานแต่ข้าวขาว หลายๆ ปีมานี้ ข้าวกล้อง หรือ Brown rice เป็นที่นิยมกันรับประทานในหมุ่คนรักสุขภาพกันมากทีเดียว ร้านอาหารมักมีข้าวกล้อง ไว้สำหรับผู้รักสุขภาพ แม้ว่า หน้าตาข้าวกล้อง ดูจะไม่สวย เพราะเป็นข้าวที่สีเอาเปลือกหรือแกลบออกเท่านั้น ไม่ได้ขัดสีเอาจมูกข้าวหรือเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวออก จึงมีสีน้ำตาลอ่อน แต่ถ้ากล่าวถึง คุณประโยชน์แล้ว มีมากมายทีเดียว เพราะไม่ได้ถูกขัดเอาโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระออกไปนั่นเอง

เหตุที่ควรรับประทานข้าวกล้อง

  1. ข้าวกล้องมีแป้งน้อยกว่าข้าวขาว ไม่ทำให้อ้วน ส่วนคนที่ผอมจะได้รับสารอาหารมากขึ้น
  2. ข้าวกล้องมีธาตุเหล็ก ที่ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
  3. ข้าวกล้องประกอบด้วยวิตามินบี 1 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก และวิตามินบีรวม
  4. ข้าวกล้องมีแคลเซียมและโปรตีน ช่วยป้องกันโรคกระดูกและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
  5. ข้าวกล้องมีไขมัน ช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย
  6. ข้าวกล้องช่วยป้องกันโรคอีกหลายโรค เช่น มะเร็งลำใส้ใหญ่  รวมทั้งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วยทราบสรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการของข้าวกล้องแล้ว เพียงแค่รับประทานเพื่อป้องกันโรค ดีกว่า เป็นโรคแล้วต้องรักษาภายหลัง

แนะนำหนังสือน่าอ่าน “น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20”

ขอแนะนำหนังสือ เรื่อง น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 (What I Wish I Knew When I Was 20)  ผลงานของทีนา ซีลิก (Tina Seelig) เมื่ออ่านแล้ว จะให้ข้อคิด 4 ข้อ

CAAOPXNTCATPNMS7CACSYY33CAT5M0SSCAMK0JDVCAP1KULYCAEBI7N5CA32DSJFCATCU4C3CAPXCW3KCA10DC2PCAMO5Y8GCA76RCOTCA90F3A4CALU9S2BCAJ5KRCKCAGN00E2CAJ24GHPCANSPOFFCART95LX

 

  1. เป็นหนังสือสำหรับผู้ที่อยู่ในวัย 20 ควรอ่านอย่างยิ่ง จะเต็มไปด้วยข้อมูลและแนวคิดที่จะปลดปล่อยให้มี  อิสระและใช้ชีวิตหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยได้อย่างมีทิศทางและไร้กรอบครอบบังคับ
  1. หนังสือได้ “รวมมิตร” หลักการใช้ชีวิต, หลักการทำงาน, หลักความสำเร็จไว้อย่างน่าสนใจถ้าผู้อ่านฯแล้วเข้าใจ ก็จะเห็นเองว่าทางไปสู่ความสำเร็จมันมีมากกว่า 1 เส้นทางและในทุกเส้นทางมันจะมีอุปสรรคและปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา”บางครั้งปัญหาก็โผล่มา เพื่อพิสูจน์ว่าเรานั้นมีคุณค่าคู่ควรกับความสเร็จที่ตั้ง ณ ปลายทาง
  2. หนังสือยังพูดถึงวิธีคิดต่างให้สนุกๆ การเก็บตกแนวทางที่ถูกคนแปะป้ายว่า “มันคือวิธีที่ล้มเหลว” ความคิดจะเปลี่ยนไป
  3. มีบทที่บอกให้ตระหนักว่า “การแข่งขันตอนเรียน” กับ “การแข่งขันในสนามชีวิต” มันคนละเรื่องกันเลย เพราะตอนเรียนเราอาจต้องพยายามแข่งกันทำเกรด แข่งกันเป็นที่ 1 ฯลฯ ในขณะที่ชีวิตจริงนั้น ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มาจากการร่วมมือ การแชร์ การแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้ผู้อื่น

หนังสือเล่มนี้ยังเหมาะกับวัยอื่นๆ ซึ่งจะพบแนวคิดดีๆ ที่สามารถมา   ปรับในการใช้ชิวิตและในการทำงาน

รายการอ้างอิง

หนังสือ “น่าจะรู้อย่างนี้ ตั้งแต่ตอนอายุ 20″. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 จาก http://iyom-bookviews.com/หมวดจิตวิทยา/น่าจะรู้อย่างนี้-ตั้งแต่.html

หนังสือภาษาอังกฤษที่เหมาะกับอาชีพ

ปัจจุบันได้มีการประกาศออกมาแล้วว่ามี 8 อาชีพหลักที่สามารถโยกย้ายการทำงานได้อย่างเสรีในประเทศสมาชิก AEC 10 ประเทศ  ซึ่งอาชีพเหล่านี้ ได้แก่ 1.หมอ  2.พยาบาล  3.นักสำรวจ  4.มัคคุเทศก์  5.วิศวกร 6.ทันตแพทย์  7.สถาปนิก 8.นักบัญชี  ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่อาชีพเหล่านี้จะต้องมีการใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร หรือแม้แต่ใช้ในการทำงานมากขึ้น ขอแนะนำหนังสือ

CABHZDB4CARP5FXPCA9931SLCAIMCSIVCAUZL62UCALTGC7LCA7AXF0NCAJ14W1NCA2A77YICAMZS79SCAR3077YCAG1728VCAQ0OJHSCA1EFK55CA40PNLECACPUJMWCAQBBHL8CA6W0EUCCATRBYOACA5JGRBQ

1.  หนังสือชื่อ ELT ของ Pearson ที่สามารถรองรับอาชีพต่าง ๆ เหล่านี้          ได้แก่ English for Nursing ใช้ได้กับ อาชีพพยาบาล

2.  หนังสือชื่อ English for Oil Industry(ภาษาอังกฤษ สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน) ใช้ได้กับ อาชีพนักสำรวจ

3.  หนังสือชื่อ English for International Tourism ใช้ได้กับ อาชีพ         มัคคุเทศก์

  1. หนังสือชื่อTechnical English ใช้ได้กับอาชีพ วิศวกร

5.  หนังสือชื่อ English for Construction ใช้ได้กับอาชีพวิศวกร และ       สถาปนิก

  1. หนังสือชื่อ English for Banking & Finance ใช้ได้กับอาชีพ นักบัญชี

และในอนาคตต่อไปก็จะมีการเพิ่มอาชีพที่สามารถโยกย้ายการทำงานได้ใน AEC นี้มากขึ้น ซึ่งไม่ว่าอาชีพใดก็ตาม ภาษาอังกฤษ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นทั้งสิ้น

พิธีแห่นางแมวขอฝน

พิธีแห่นางแมวขอฝนหากพื้นที่ใดเกิดสภาวะแห้งแล้งไม่มีฝนตก ทำให้ชาวนา ชาวสวนไม่มีน้ำใช้จึงประสบความเดือดร้อนทำให้ผลผลิตจำพวกข้าว ผลไม้ต่างๆ ที่ปลูกไว้ไม่ออกดอกผลต้นไม้แห้งตายเพราะไม่มีน้ำ ที่เกิดจากธรรมชาติจึงมีพิธีแห่นางแมวซึ่งเป็นความเชื่อแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะคนโบราณในภาคอีสาน

ความเชื่อที่ใช้สัตว์ประเภทแมว นำมาแห่ขอฝน เพราะแมวจะเป็นสัตว์ที่กลัวน้ำและคนโบราณเชื่อว่าแมวเป็นตัวทำให้แล้งและไม่ชอบฝนเมื่อฝนตกครั้งใดแมวจะร้องทันที ชาวอีสานถือเคล็ดว่าแมวร้องในเวลาฝนตกจะเป็นเหตุให้ฝนตกจริงๆ จึงได้นำแมวมาขัง โดยใส่กระบุง ตระกร้า หรือเข่ง กระบุงจะปิดหรือเปิดฝาก็ได้ ถ้าปิดต้องให้นางแมวถูกน้ำจึงจะถูกตามประเพณี

การนำแมวมาแห่ขอฝน เกษตรกรจะนำแมวตัวเมียพันธุ์สีสวาดมีรูปร่างปราดเปรียว สวยงาม 1-3ตัว ที่ใช้พันธุ์นี้เพราะมีสีเดียวกับเมฆก่อนที่จะนำแมวใส่กระบุงผู้อาวุโสที่สุดจะพูด “นางแมวเอย …ขอฟ้าขอฝน ให้ตกลงมาด้วยนะ” และมีผู้หญิงร่วมพิธีแห่ ซึ่งจะผัดหน้าขาว ทัดดอกไม้สดดอกโตๆ ขบวนแห่จะร้องรำทำเพลงที่สนุกสนานเฮฮา  เมื่อขบวนแห่ถึงบ้านไหนแต่ละบ้านจะนำน้ำมาสาด และต้องออกมาต้อนรับอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าแมวจะโกรธและจะบันดาลไม่ให้ฝนตกลงมา ชาวบ้านมีความเชื่อว่าถ้าแห่นางแมวแล้วฝนจะตก ภายใน 3 วันหรือ 7 วัน  นอกจากนี้ พิธีแห่นางแมวขอฝน จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้านให้แน่นแฟ้นขึ้นเนื่องจากจะต้องมีการช่วยเหลือกันในการประกอบพิธีอื่นๆ อีกด้วย
Image[1]

รายการอ้างอิง

ไตรรงค์ ปิมปา คนชอบน้ำ.  ประเพณีแห่นางแมว อ้อนวอนขอฝน. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2558 จาก http://202.129.59.73/nana/legend/cat/cat.htm